พูดกับบ้าน

'รงค์ วงษ์สวรรค์......... พูดกับบ้าน ..
บันทึกแห่งชีวิตนักเขียน ในความถวิลถึงบ้านและญาติน้ำหมึก “ผมซื้ออิฐและซีเมนท์ด้วยงานเขียนคอลัมน์วันละ 3 ถึง 4 ชิ้น ผมไม่เรียกตัวเองว่าเป็นคนขยันเพราะผมบูชาความขี้เกียจ แต่ผมกำลังปลูกบ้าน ...” ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แล้วที่'รงค์ตั้งใจจะเป็นนักเขียนและต้องมีชีวิตที่ดี "ทำไมนักเขียนจะต้องนอนบ้านเช่าซอมมอซ่อ ทำไมนักเขียนจะต้องไม่มีอันจะกิน เราจะต้องปรับปรุงฐานะของเราให้ได้ ต้องมีบ้านเมื่ออายุยี่สิบกว่า มีรถยนต์เมื่อสามสิบกว่า เราต้องมีความเป็นอยู่ที่ดี มีอาหารที่บำรุงสุขภาพ มีเหล้าดีๆ กิน และก็ทำงานให้เป็นระเบียบ” ด้วยความเชื่อว่า “ผู้ชายถึงอายุ 30 ถ้ายังไม่มีบ้านก็คงยากจะมีบ้าน”“มึงจะเขียนอะไรก็ได้งั้นหรือ”ประเสริฐ พิจารณ์โสภณถามอย่างหงุดหงิด กังวานท้ายประโยคทักท้วงและตำหนิ ผมยักไหล่ก่อนตอบว่า“วันก่อนกูเขียนเกี่ยวกับการเลือกซื้อลิพสติกได้เงินมาซื้อแม่บันได” “ฝ้าเพดานก็ยังไม่มีนี่หว่า พรุ่งนี้มึงจะเขียนอะไร" [วางจำหน่ายแล้ว]

บนถนนของความเป็นหนุ่ม

'รงค์ วงษ์สวรรค์ บนถนนของความเป็นหนุ่ม ...
ซูเปอร์ไฮเวย์ของฮิปปี้ เพลย์บอย สารคดีละเลียดโลกกว้างในวัยหนุ่มกำดัด สุดยอดสารคดีขบวนแรกในวัยหนุ่มของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ถ่ายทอดประสบการณ์ท่องโลกกว้างอันน่าตื่นตะลึงในดินแดนญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ในฐานะนักข่าวหนังสือพิมพ์ “สยามรัฐ” และตัวแทนนิตยสาร “ดาราไทย” โดยปิดท้ายเล่มด้วยเรื่องสั้นสะท้อนชีวิตวัยหนุ่มของผู้เขียน “บางซ่อน-กรุงเทพฯ” “บนถนนของความเป็นหนุ่ม” ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อพ.ศ. 2504 ในแบบฉบับปกแข็งหนาร่วม 400 หน้ากระดาษ ด้วยความเป็นหนุ่มในวัยกำดัด ’รงค์ วงษ์สวรรค์ มีความสดในการคิดและเขียนถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างที่สายตาของเขาพบเจออย่างละเอียด รวดเร็วและเฉียบคม กล่าวได้ว่า “บนถนนของความเป็นหนุ่ม”เป็นสารคดีที่มีชีวิตชีวามากที่สุดที่ช่วยพิสูจน์และยืนยันคำพูดติดปากของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ว่า “การเดินทางเป็นสายตาของนักเขียน” [วางจำหน่ายแล้ว]

ไฟอาย

ไฟอาย 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ..
จากคอลัมน์ “รำพึงรำพัน โดยลำพู” งานเขียนในยุคแรกเริ่มของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่เขียนลงใน “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” เป็นการคิดคำนึงถึงสังคมในแง่มุมต่างๆ อย่างน่าสนใจ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ พูดถึงคนในระดับล่างไม่ว่าจะเป็นคนกวาดถนน คนโซ โสเภณี ฯลฯ และด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาอย่างโชกโชน คลุกคลีกับคนทุกระดับ ทุกชนชั้น ทำให้ “รำพึงรำพัน” เป็นสุดยอดผลงานยุคเริ่มต้นของนักเขียนไทยผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ทั้งในแง่ของการใช้ภาษาและมุมมองชีวิตที่สะท้อนผ่านตัวละครต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์“ไฟอาย”เป็นงานขบวน 3 จากคอลัมน์รำพึงรำพันโดยลำพู สืบต่อจากเล่ม “หนาวผู้หญิง” และ “เถ้าอารมณ์” ปรากฏตัวให้ผู้อ่านยลโฉมครั้งแรกในปีเดียวกัน คือ พ.ศ. 2503 หลังจากเปิดตัวผลงาน“ไฟอาย” ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ในปีถัดมา'รงค์ วงษ์สวรรค์ จึงผลงานนวนิยาย“สนิมสร้อย” ตามออกมาติดๆ [วางจำหน่ายแล้ว]

'รงค์ ชุด เหยี่ยวฮิปปี้

แสงแดดเป็นไข้ ไฉไลเป็นบ้า ไม่นานเกินรอ
รวมผลงานชุดเหยี่ยวฮิปปี้ 3 เล่ม
ของ'รงค์ วงษ์สวรรค์
....
แสงแดดเป็นไข้ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ .... ....................
ผลงานที่ไม่เคยรวมเล่มมาก่อนของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ดำเนินการสานต่อให้เป็นรูปเป็นร่าง ว่าด้วยเรื่องราว "หม่อมราชวงศ์นัดพบนักเลง" เมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ยุคทำหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ต้องมีนัดพบกับ "ยาม" ของบริษัทปูนซีเมนต์ไทย โดยมี'รงค์ วงษ์สวรรค์ อยู่ในเหตุการณ์แสนระทึก เพราะต้องทำหน้าที่เป็นลูกมือคอยจดบันทึกการสัมภาษณ์ครั้งนั้นด้วยความอกสั่นขวัญแขวน มีให้อ่านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จากฝีมือการแปลของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช[วางจำหน่ายแล้ว]
......................................................
........................ ............. ...................................... ........
ไฉไลเป็นบ้า 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ... เรื่องราวเิกิดขึ้นเมื่อครั้งสมัย'รงค์ วงษ์สวรรค์ สวมวิญญาณนักข่าวหนุ่มไฟแรงสุดเท่ ตะลุยโรงถ่ายหนังจีนชอว์ บราเดอร์ที่กำลังฮอตสุดๆ ในเวลานั้น เจาะลึกสัมภาษณ์ รัน รัน ชอว์ เจ้าของชอว์บราเดอร์, ศึกษาวิธีตั้งชื่อหนังสือจีนสุดฮิตสมัยนั้น, การเซ็นเซอร์, ความลับในการทำซับไตเติล ตั้งแต่ยุคก่อตั้งชอว์บราเดอร์ จนมาถึงจอห์น วู ผู้ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นขวัญใจฮอลลีวู้ดและนักดูหนังรุ่นใหม่ [วางจำหน่ายแล้ว]
......................................................................................... ........................................................................................ ........................................................................................ ..... ใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใใ ....................
ไม่นานเกินรอ
'รงค์ วงษ์สวรรค์
....
เจ้าของคำพูดสุดคลาสสิค"ไม่นานเกินรอ"ที่ใครๆ ก็เอามาใช้พูดกันเขียนกันทุกวันนี้ จะมีกี่คนที่รู้ว่าเป็นสำนวนของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ "ไม่นานเกินรอ"เป็นบทบันทึกความในใจจากซอกหลืบลึกที่สุดของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนหนุ่มหัวก้าวหน้าในยุคนั้นที่กำลังเพียรพยายามก่อร่างสร้างสไตล์งานเขียนที่เป็นตำนาน แต่กลับโดนถล่มเละเทะจากนักวิจารณ์ผู้โหดเหี้ยมที่นั่งกระดิกเท้าคอยพิพากษาเขาอยู่บนยอดหอคอยสูงของยุคนั้นอย่างดุเดือด จนกระทั่ง'รงค์ ถึงกับสบถเอาไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ว่า "ไม่นานเกินรอ! ไม่นานเกินรอ! ผมอยากเปิดเผยความในใจกับเขาว่าผมไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจากไอ้โง่คนหนึ่งเท่านั้น! โง่บรรลัย! ให้ห่ากิน!" [วางจำหน่ายแล้ว]
..................................................
..........................................................

'รงค์ คืนรัก

คืนรัก : 'รงค์ วงษ์สวรรค์
พิมพ์ครั้งที่ 5 (วางจำหน่ายแล้ว)
เรื่องราวของบาปหวาน ตราตรึง กาลครั้งหนึ่งยังมี"รัก"เริ่มต้นจาก"ใคร่"หนังสือที่ผู้หญิงหลายคนบอกว่า"เกลียดที่สุด"ของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ แต่สำหรับ'ปราย พันแสง มันคือหนังสือที่ "ย้อนศร เซ็กซี่ มีสไตล์ เชิงชั้นร้ายกาจ เท่เหลือกินเหลือใช้ น่าเอาไปทำหนัง"นี่คือผลงานของ'รงค์อีกเล่มหนึ่งที่เป็นหนังสืออยู่ในดวงใจ'ปราย พันแสง ตลอดกาลนับตั้งแต่ได้อ่านครั้งแรก จะมีอะไรคลาสสิคไปกว่าเหตุการณ์ในคืนเดียว ที่ผู้ชายคนหนึ่ง อยากได้ผู้หญิงคนหนึ่ง สารพัดวิธีการที่ผู้ชายคนนั้นเสกสรรหามาเพื่อหล่อน จึงดำเนินไปบนความใคร่ที่ไร้สิ่งเจือปนแม้แต่น้อย ใคร่จริงๆ ใคร่ล้วนๆ แต่งามละเมียดจนคุณอาจไม่อยากเชื่อ ว่าเรื่องพรรค์นี้มันงามถึงเพียงนี้ได้เชียวหรือ สำหรับคนที่ชอบพูดคำว่า"รัก" บางทีใครคนนั้นอาจจะไม่มีวันได้รู้เลยก็ได้ว่า บางครั้งความรักที่แท้จริงนั้น ...มันก็มาจาก"ใคร่" และดำรงอยู่ในหัวใจอย่างลึกซึ้งได้เช่นกัน นี่คือสุดยอด"เชิงและ"ชั้น"ในสไตล์การเขียนของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่เราต้องศึกษา คลิกอ่านรายละเอียดหนังสือและตัวอย่างบทแรก
คลิกอ่านรายละเอียด

วานปีศาจตอบ

'รงค์ วงษ์สวรรค์ วานปีศาจตอบ
พิมพ์ครั้งที่ 2
คัดสรรบทสัมภาษณ์ “คมกริบ” จำนวน 12 ชิ้น จากบทสัมภาษณ์จำนวนหลายร้อยชิ้นตลอดชีวิตของนักเขียนใหญ่ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “พญาอินทรี” แห่งวงการวรรณกรรมไทย รวมถึงการสัมภาษณ์ยียวนกวนยิ้ม’รงค์ วงษ์สวรรค์ ในอดีตของขรรค์ชัย บุนปาน บิ๊กบอสแห่งอาณาจักรมติชนปัจจุบันนี้ ซึ่งเคยเป็นนักเขียนหนุ่มรุ่นน้องย่าน “เฟื่องนคร” สมัยนั้น ปัจจุบันบทสัมภาษณ์เจ๋งๆ แบบ 12 ชิ้นนี้ ไม่มีให้หาอ่านที่ไหนแล้ว ร้อยปีเมืองไทยจึงจะมีนักเขียนแบบนี้ได้สักคนหนึ่ง ร้อยปี จะมีนักเขียนไทยที่ให้สัมภาษณ์ได้ “คมกริบ” แบบนี้สักคนหนึ่ง--หรืออาจจะไม่มีอีกเลย! นอกจากนี้ ยังมีภาคพิเศษสุดๆ คือการสัมภาษณ์ ท่านปรีดี พยมยงค์ ของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ขณะลี้ภัยอยู่ ณ บ้านชานกรุงปารีส เมื่อปี 2521 ซึ่งปัจจุบัน กลายเป็นบทสนทนาสุดคลาสสิคของคนสองคน ที่ก้าวเดินบนถนนต่างสาย ยิ่งใหญ่ในเส้นทางของตัวเอง ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร กลายเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ที่เราทุกคนต้องอ่าน ต้องศึกษา ไม่ว่าคุณจะเคยอ่านงานเขียนของ’รงค์ วงษ์สวรรค์ มาก่อนหรือไม่ก็ตาม
(วางจำหน่ายแล้ว)

มกราคม อำลา

.................
ข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ตลอดเวลาเจ้า พี่อ้อม 081-7164007 e-mail : tuneinpeople@gmail.com เว็บไซต์ http://www.tunegerden.com/

หน้าซองจดหมายอาปุ๊ + บทรำพึง ถึงคนที่ไปจิบไวน์บนฟ้า

บทรำพึง...
คิดถึงคนบางคน
ที่กำลังจิบไวน์บนฟ้า.. ภาพจาก tuneingarden.com
Last update: July,04-2009 ......................
ใครเขียนหนังสือมาบ้างจะรู้ เวลาไม่ได้เขียนอะไรนานๆ มันจะฝืด อาปุ๊-'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยพูดกับฉันว่า "ตอนอาหนุ่มๆ นะ อาเขียนชิบหาย คิดอะไรหน่อย เห็นอะไรหน่อย อยากเขียน แล้วก็เขียนออกมาได้มหาศาล บางทีกลับไปอ่าน ยังรู้สึกว่ามันต้องแก้ตรงนั้นแก้ตรงนี้ คือสมัยหนุ่มจะแรงดี แต่งานเขียนอาจจะไม่ค่อยดีเหมือนตอนแก่"...ฉันก็ว่า "อุ๊ย อา ยิ่งดีสิคะ ยิ่งแก่ยิ่งเขียนกระจายไปเลยสิ ดีจะตาย"แต่อาปุ๊ตอนนั้นนั่งรถเข็นมาร่วมงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ตอบฉันว่า"ตอนแก่นี่ ความคิดดีๆ มันเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีแรงเขียนว่ะ"...คลิกอ่านต่อ.............. ......... *... ...คนอ่าน .........47 ความคิดเห็น

งานอาปุ๊อีกชุด

น้ำผึ้งพระจันทร์หยดแรก
'รงค์ วงษ์สวรรค์
คัดสรรผลงาน'รง วงษ์สวรรค์ ที่ติดหนึบอยู่ในดวงใจ 'ปราย พันแสง ผลงานมาสเตอร์พีซแห่งระลึกถึง รวมผลงานเขียนแห่งแรงบันดาลใจของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่มีอิทธิพลต่องานเขียนของ'ปราย พันแสง ทั้งงานเขียนที่ดีที่สุด รักที่สุด และแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่สุดของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ในสายตาของคนเขียนหนังสือรุ่นหลัง ผู้ยังมี " ' " อยู่นำหน้าชื่อตามนักเขียนในดวงใจและยังบูชาผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่เสื่อมคลาย ทุกเรื่องในเล่มนี้คัดสรรค์มาเพื่อนักอ่านหน้าใหม่ ที่ไม่เคยได้สัมผัสผลงานชิ้นเยี่ยมจริงๆ ของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ มาก่อน รวมทั้งสำหรับนักอ่านหน้าเก่า ที่อยากจะอ่านใหม่อีกครั้งในวันนี้ [มีกำหนดวางจำหน่ายเร็วๆ นี้]
......................................................................................... ..................................................................
...................... ........................................................................................ ........................................................................................ .......................................................................................
.
SEX : เซ็กซ์กอฮอลิก
'รงค์ วงษ์สวรรค์ .... รวมผลงาน sex life ทัศนคติและรสนิยมเกี่ยวกับเซ็กซ์ของ'รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่เจ้าตัวบรรจงคัดสรรค์เตรียมใส่แฟ้มไว้สำหรับการรวมเล่ม แต่บังเอิญมีธุระต้องไปจิบไวน์บนฟ้าเสียก่อนที่งานจะสำเร็จเป็นเล่ม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนจะได้อ่านจากเล่มนี้ คือสิ่งที่'รงค์ วงษ์สวรรค์ ตั้งใจทิ้งเอาไว้ให้เราคิดถึงเขาโดยเฉพาะ [มีกำหนดวางจำหน่ายเร็วๆ นี้]
..........................................................................................
.........................................................................................
.....................................................................................
.....................................................................................................
..........................................................................................
...............................................................................................................................................

สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2552

แล้วเราก็เจอกัน
ในวันชาติของชาวหนอน
ใช่มั้ย ใช่มั้ย :)
Last update : Sat,April 11, 2009
...........
คงเป็นเพราะพิมพ์ตัวหนังสือขึ้น MSN มาหลายวัน ว่า "ใกล้งานสัปดาห์หนังสือ 26 มี.ค.- 6 เม.ย.52" หลายคนเลยแวะเวียนส่งข้อความมาทักทาย
...
บางคนเข้าบล็อกนี้บ่อยๆ แต่ยังถามอยู่เลยนะว่า "ปีนี้พี่'ปรายมีหนังสือเล่มใหม่ออกในงานสัปดาห์หนังสือหรือเปล่า" แน่ะ :)
...
ยังตอบไปว่าพี่มีหนังสือออกใหม่ตั้งหกเจ็ดเล่มเลยนะเนี่ย เห็นไหม!เอาปกหนังสือมาทำเป็นตัวเปิดบล็อกอย่างอร้าอร่ามแบบภูมิใจเสนอเต็มที่ ยังอุตส่าห์ปลื้มไม่หาย เวลามีคนชมว่าปกหนังสือเราสวย
...
คนถามยังไม่วายแย้งมาอีกว่า "ม่ายช่ายยางง้านนน น้องหมายถึงหนังสือของพี่เองสิ แล้วก็ไม่ใช่แบบจดหมายรักด้วย เพราะจดหมายรักไม่ถือว่าเป็นเล่มใหม่ เพราะเป็นงานหลายปีแล้ว เอามาพิมพ์ซ้ำ"
...
คนถูกถามก็เลยละล้าละลัง จะตอบว่าไงดี
ก็เลยขอยกยอดมาตอบกันในนี้ละกันนะ ---ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะแวะมาอ่านไหม
อันที่จริงเรื่องมันยาวมาก
...
แต่ตอบแบบรวบยอดได้เลยว่า ก้าวย่างเข้าสองปีของสำนักพิมพ์ กับพ็อคเก็ตบุ๊คร่วมสามสิบปกที่เรามีอยู่ตอนนี้ ทุกเล่มที่มีโลโก้ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์อยู่บนปก ถือว่าเป็นหนังสือของ'ปราย พันแสง ได้ทุกเล่มค่ะ
...
ฟรีฟอร์มเป็นสำนักงานเล็กๆ มีเจ้าของในฐานะหุ้นส่วนหลายคน ฉันเป็นทีมงานหลักคนหนึ่งที่มีหน้าที่ช่วยกันดูแลเรื่องการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งในกระบวนการผลิตหนังสือทุกเล่มเหล่านี้ กว่าจะเห็นเป็นเล่มๆ ในมือผู้อ่าน ถ้าฉันไม่ใช่ในฐานะบรรณาธิการหนังสือเล่มนั้นๆ เองโดยตรงแล้ว (ตามที่ปรากฎชื่ออยู่บนปกหนังสือ) ก็มักจะเป็นหนังสือที่ผ่านกระบวนการคัดเลือก กลั่นกรอง ผ่านมือ ผ่านตา ของ'ปราย พันแสง อยู่เกือบทุกเล่มล่ะค่ะ
...
ยกเว้นบางเล่ม ที่มีทีมงานคนอื่นๆ เข้ามาช่วยกันดูแล เช่นเป็นบรรณาธิการเล่ม การติดต่อ ช่วยตรวจสอบอะไรต่างๆ ก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของบก.เค้าไป ฉันก็จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ
...
อย่างชุด "จดหมายรักยาขอบ" กับ "สินในหมึก" สองเล่มนี้ก็เป็นฝีมือทีมงานฟรีฟอร์มเขาลงในรายละเอียดกันทุกตัวอักษร ทุกบรรทัด ส่วนฉันนอกจากทำหน้าที่ผลักดันหนังสือเข้าสำนักพิมพ์ในตอนแรก รวมถึงการติดต่อพูดคุยกับเจ้าของลิขสิทธิ์ แล้วจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของทีมงานฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ที่ทำให้มันเป็นรูปเล่มจับต้องได้ขึ้นมา ส่วนฉันก็จะก็คอยตรวจขั้นสุดท้ายอีกที
...
เราทำกันอย่างนี้กับหนังสือทุกเล่มที่ผลิตในสำนักงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของเราเอง หรือหนังสือของลูกค้าที่มาจ้างทำงาน เราดูแลเหมือนกันหมด เพราะเราถือว่าในการผลิดหนังสือทุกเล่มมีคุณค่าควรแก่การเอาใจใส่เท่ากันหมด
...
เคยมีน้องมาสมัครงาน (บางคนก็มาฝึกงาน) แทบทุกคนบอกว่าอยากทำงานกับฟรีฟอร์ม พอเราบอกว่า เราไม่ได้ทำฟรีฟอร์มอย่างเดียวนะ เรามีทุนรอนไม่มาก แต่การทำหนังสือนั้นค่าใช้จ่ายสูงมาก จำเป็นจะต้องหารายได้จากแหล่งอื่นมาหนุนด้วยอีกทาง เราอยู่กันมาได้เรื่อยๆ ก็ด้วยหลักการทำงานเช่นนี้
...
ฟรีฟอร์มเป็นหนังสือที่ขายโฆษณาไม่เก่งค่ะ
เรามีชีวิตอยู่ด้วยยอดขายหนังสือ และการรับจ้างผลิตหนังสือ อย่างแท้จริง
ซึ่งออกจะเหนื่อยเหมือนกัน แต่ฉันก็ยังภูมิใจ
อย่างน้อยเราก็ไม่จำเป็นต้องทนโฆษณาบ้าๆ บอๆ ที่เราเกลียด
...
นอกจากนี้ ฉันยังรู้สึกว่า การพยายามขายโฆษณาให้ได้ หรือให้ได้มากๆ เนี่ย ถ้าทำไปนานๆ มันอาจจะทำให้เรากลายเป็นมนุษย์อีกแบบหนึ่งได้ เพราะคนที่พยายามจะไปให้ถึงเป้าหมาย โดยไม่สนใจว่าอะไรระหว่างทางมันจะวายป่วงเนี่ย---มันไม่น่าอยู่ใกล้นักหรอกคุณ
...
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่ฉันต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า เพื่อเงินจำนวนเพียงแค่นี้ เราจะต้องแลกกับอะไรในตัวเราขนาดนี้เชียวหรือ
...
เงินเพียงแค่นี้
ยังมีปัญญาหาจากทางอื่น--ทางที่เรายังนับถือตัวเองได้อยู่
...
คนเก่าๆ ในวงการหนังสือเคยบอกฉันว่า ทำหนังสือถ้าไม่สนใจเรื่องโฆษณา จะไม่มีอนาคตหรอก ซึ่งฉันก็เชื่อตามมาตลอด แม้ในช่วงหลังๆ จะพบว่า มันไม่ใช่
...
ปัจจุบันนี้ หนังสือเล่มไหนต้องพึ่งพาโฆษณามากๆ ฉันว่ามันยิ่งลำบากกันใหญ่ โลกมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ทุกอย่างต้องคิดกันใหม่อีกรอบ
...
ฉันอยากกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการทำหนังสือ นั่นคือตั้งใจทำเนื้อหาให้มันดีๆ ถ้าดีจริงคนอ่านเขาก็จะติดตามเราเอง มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตัวมันเอง หลังจากนั้นถ้าจะมีโฆษณาหรืออะไรตามมาก็ว่ากันไป ..แต่เราต้องพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน
...
ฉันเชื่ออย่างนั้น
...
เจ้าของสินค้าที่ต้องการลงโฆษณาสมัยนี้เค้าก็ไม่ได้โง่นะคุณ ประเภทหนังสือพิมพ์ขายห้าพันเล่ม ไปหลอกเขาว่าพิมพ์ห้าแสน เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เค้าไม่เชื่อคุณแล้ว
...
ลูกค้าที่มาจ้างบริษัทเราผลิตหนังสือรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เขาส่งเลขาฯไปสืบเสาะเอาข้อมูลมาโดยตรงเลย ว่าเล่มไหนพิมพ์เท่าไหร่ ขายเท่าไหร่กันแน่ เขาทำขนาดติดสินบนพนักงานในบริษัทที่เขาอยากได้ข้อมูลจริงๆ มาเลยทีเดียว (พนักงานนี่ก็...นะ สมัยนี้คงไม่มีพนักงานคนไหนรักบริษัทจริงๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วม้างง ) ทุกวันนี้เขาเลยรู้หมด ไม่มีใครหลอกเขาได้
...
ฉันฟังแล้วก็รู้สึกขำปนสะใจ
เออ ดี มีอย่างนี้เสียบ้าง
ก็ดี ต่อไปอะไรๆ มันอาจจะได้เป็น อย่างที่มันควรจะเป็นเสียที
............
โลกนี้...คนเราไม่ควรมีชีวิตอยู่ด้วยการหลอกลวงกันไปวันๆ หรอกนะ
...
ไม่มีใครยอมโดนหลอกง่ายๆ ด้วย
...
ทำฟรีฟอร์มผ่านไปสองปี เมื่อพบว่าพ็อคเก็ตบุ๊คของเรามีผู้อ่านประจำอยู่ไม่น้อย ฉันก็ตัดสินใจ ว่าเราจะไม่สนโฆษณาแล้วนะ เราจะต้องอยู่ด้วยเนื้อหาที่ดีของหนังสือและยอดจำหน่ายที่แท้จริง
...
ขายได้น้อยก็ใช้จ่ายน้อยๆ
ถึงขายได้มาก ก็ยังต้องใช้จ่ายน้อยๆ
น้อยที่สุด
...
นั่นคือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมฟรีฟอร์มไม่มีเว็บไซต์ของตัวเองสักที "คอนเทนต์เยอะขนาดนี้ เดี๋ยว blogspot เขาจะคิดเงินเอาสักวันหรอก" --เคยมีคนแซวอย่างนั้น ฉันก็ได้แต่หัวเราะ :)
...
เลยบอกไปว่า เอาไว้ให้เราพิมพ์หนังสือครบ 100 ปกก่อนละกัน ค่อยคิดเรื่องเว็บไซต์จริงจังอีกที ตอนนี้ใช้บล็อกแบบนี้ก็สะดวกดี เขาออกแบบมาให้เราใช้ฟรีนี่นา ไม่ใช้เดี๋ยวเค้าว่า :)
...
นะ- สมัยนี้ ใครจะมีเว็บมีอะไรไม่เห็นจะแปลก
ไม่มีนี่ก็ดี แบบว่า... อาจจะแปลกดีน่ะนะ ...ฮ่า :)
...
ตอนนี้ เราก็ต้องทำทุกอย่างเท่าที่กำลังเราพอจะทำได้ โดยไม่ต้องหวังพึ่งใครอื่นอีกต่อไป ซึ่งกว่าจะคิดได้ สำนักงานเล็กๆ ของเราก็ต้องเสียค่าโง่ไปแล้วหลายสตางค์
...
นึกแล้วยังเสียดาย ถ้าคิดได้ไวหน่อย
เงินพวกนี้อาจจะเอามาพิมพ์หนังสือดีๆ ได้ตั้งหลายเล่มแน่ะ :)
...
...
ด้วยเหตุนี้ เวลามีใครมาสมัครทำงานกับเรา เราก็จะบอกก่อนเลยว่านอกจากฟรีฟอร์มแล้ว ก็ต้องทำทุกอย่างนะ ทำหนังสือรายงานประจำปีของบริษัท ทำโน่นนี่ ทำแม้กระทั่งหนังสือรุ่น หรือการ์ดเชิญ ไดอารี่ พวกงานออกแบบสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย รวมถึงกวาดออฟฟิศ แบกห่อหนังสือขึ้นลงตึกสามชั้นด้วยนั่นแหละ ---ต้องทำหมด :)
...
บางคนก็ชอบนะ ที่ได้ทำหมด ซึ่งเราก็ว่า พวกนี้อนาคตไกล มาทำกับเราสักพักหนึ่ง นึกอยากโบยบินไปไหนที่ดีกว่า เราจึงไม่ได้คิดขัดขวาง ขอให้บอกตรงๆ (อันที่จริงก็บอกไว้ล่วงหน้าตั้งแต่มาทำงานร่วมกันแรกๆ แล้ว) บางทียังสอนวิธีทำพอร์ตให้ด้วยซ้ำ
...
บางคนมาทำกับเราก็อยากทำแค่บางอย่าง บางคนก็รักฟรีฟอร์มมาก จนอยากทำฟรีฟอร์มอย่างเดียว พอเราต้องแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่น ซึ่งบางครั้งเราก็ติดพันกับงานผลิตหนังสือให้ลูกค้าจนต้องเลื่อนเวลาทำฟรีฟอร์มออกไปบ่อยครั้ง ก็พลอยทำให้น้องบางคนแอบเซ็ง ไม่อยากทำอย่างอื่นด้วย--เป็นอย่างนั้นก็มี :)
...
อันที่จริงก็ไม่โทษน้องหรอก
เพราะฉันเอง เวลาเจอลูกค้าที่ทำให้การทำงานร่วมกันยุ่งยากมากๆ ฉันก็แอบเซ็งอยู่เหมือนกัน แต่ก็อนุญาตให้ตัวเองเซ็งอยู่สักสองสามวันเท่านั้น หลังจากนั้นก็ต้องสลัดทุกอย่างทิ้ง ลุกมาทำต่อ ให้มันลุล่วงไป
...
แต่ทุกครั้งที่เหนื่อยๆ เซ็งๆ เมื่อได้กลับมาทำหนังสือของเราเอง อย่างพ็อคเก็ตบุ๊คหกเจ็ดเล่มที่ออกวางแผงในงานหนังสือรอบนี้ พวกเราทีมงานหามรุ่งหามค่ำทำงาน ประเภทเข้านอนทั้งชุดเดิมมาเป็นเดือนๆ กว่าจะแล้วเสร็จ
...
แต่พอหนังสือพิมพ์เสร็จเป็นเล่มออกมาให้จับต้องได้เท่านั้นแหละ
...หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง :)
...
เรี่ยวแรงใจประเภทนี้ มันจะยิ่งตามมาอีกเป็นทบทวี เมื่อมีคนอ่านบอกเราว่า ชอบจังเรื่องโน้น สนุกจริงเรื่องนี้ คำสองสามคำเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แหละค่ะ ที่ทำให้พวกเรายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ :)
...
เมื่อค่ำวันพุธที่ผ่านมา ฉันและทีมงานไปช่วยกันจัดบูธในงานสัปดาห์หนังสือที่จะเริ่มขึ้นในวันรุ่งขึ้น เราจับหนังสือเล่มนั้น เปิดอ่านเล่มนี้ ราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อนซะอย่างนั้น ขำตัวเองเหมือนกัน
...
ปีนี้ ฟรีฟอร์มเพิ่งมีบูธเป็นของตัวเอง หลังจากที่ไปฝากบูธอื่นขายมาหลายรอบ บูธเราเป็นบูธเล็กๆ ขนาดสองคูณสามเมตร ที่ทางผู้จัดงานใช้พลาสติกใสๆ มากั้นเป็นล็อกๆ ให้เราใช้วางหนังสือจำหน่ายในงาน บูธเล็กขนาดนี้ ยังใช้เวลาจัดอยู่ตั้งหลายชั่วโมง ถึงจะแล้วเสร็จ
...
ถ้าไปงานฯ ก็แวะเวียนมาทักทายกันบ้างนะคะ ไม่ซื้อไม่ว่ากันเลยค่ะ
แค่ไปยืนหน้าร้าน แล้วเอื้อมมือมาจับต้องหนังสือพวกนี้บ้าง คนทำก็คงดีใจมากๆ กันแล้วค่ะ
....
อ้อ ตอนนี้แมร์ด 2 มาถึงบูธแล้วนะคะ
วันนี้จะมี "จดหมายรักยาขอบ" และเล่มอื่นๆ
จะทยอยตามมาเรื่อยๆ ค่ะ
..






นี่ล่ะค่ะ หน้าตาบูธเรา จัดเสร็จเมื่อตอนค่ำวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา
..........................
.......
.........
คนจัดงานคงเห็นว่าบูธมันเล็กมาก ก็เลยพยายามทำให้มันสบายตาขึ้น ด้วยการใช้พลาสติกกั้น ซึ่งพวกเราก็ชอบกันมากเลย ดูสวยกว่าผนังบูธทั่วไป ออกแนวนู้ดๆ เซ็กซี่นิดๆ :) แต่บังเอิญเราทำภาพปกหนังสือขนาดใหญ่มาด้วย พอเอาไปติดบนพลาสติก มันก็เลยโหวงเหวงชอบกล เลยคุยกันว่า พรุ่งนี้ต้องหาอะไรมาปิด ลดการสะท้อนแสงของพลาสติกลงสักนิดน่าจะดี จะเป็นผ้าหรือกระดาษนั้น เดี๋ยวดูกันอีกที

....................
............................
........
......................................................
นอกจากหนังสือเราเอง ก็มีหนังสือของสำนักพิมพ์ข้างเคียงมาฝากขายด้วยอย่างสำนักพิมพ์ฟูลสต็อป ที่เคยทำนิตยสารซัมเมอร์มาก่อน ก็ทำหนังสือท่องเที่ยวนิวยอร์ค ลาสเวกัส ลอนดอน และอีกมากมาย สวยๆ ทั้งนั้น
..........
ความที่เราเคยฝากขายที่ฟุลสต็อปเค้ามาเยอะมาก บ่อยมาก คราวนี้ก็เลยรับฝากเป็นการเอาคืนอย่างเต็มที่ :) มีหนังสือของยวน แมคเกรเกอร์ ที่เคยเขียนแนะนำในบล็อกนี้ด้วยนะคะ อยู่มุมขวาสุด หนังสือสวยน่าอ่านมาก
.............

.............

..........

วันนี้ 26 มีนาคม เปิดงานวันแรก เป็นพิธีรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ มาเปิดงานเช่นประจำทุกปี ปีนี้พระองค์ท่านเสด็จมาประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ เมื่อท่านเสด็จกลับ ก็เลยมีการเปิดจำหน่ายหนังสือเป็นทางการ ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม

ตอนแรกนึกว่าจะไม่ค่อยมีหนอนมาช็อปกันเท่าไหร่ เพราะเปิดตอนค่ำ แต่ที่ไหนได้ หลายคนช็อปแหลกตั้งแต่วันแรก หอบข้าวของกลับบ้านพะรุงพะรังที่เดียว แล้วก็เจอคนแถวๆ นี้ด้วยค่ะ หอบหนังสือเป็นตั้งมาให้เซ็นตั้งแต่วันแรกเนี่ยเลย ไม่ค่อยจะเห่อเลยเนอะ :)
..............


พี่เขียว คาราบาว วันนี้ช็อปหลายถุง หอบหิ้วพะรุงพะรังทีเดียวเชียว แต่ยังแวะมาช็อปที่บูธเราด้วย ได้ "ร้านชำสำหรับคนอยากตาย" กับ "ต้นส้ม น้ำตา พายุ" กลับไปอ่านที่บ้านด้วย(อ่านหนังสือ"ชิลล์"มากเลยพี่ เจ๋งจริงๆ) แว่วๆ ว่าวันนี้พี่เขาหมดไปแล้วหลักพัน แต่เดี๋ยวจะแวะมาอีก :)

...............................................................



ลูกค้าคนสุดท้าย (วันที่ 26 มีนาคม) ก่อนปิดร้าน สนใจเรื่องฝรั่งเศสเป็นพิเศษ แต่ท่าทางจะเก็บย้อนหลังแฮะ ไม่เป็นไรค่ะ งานนี้ตั้งใจอยากให้เก็บ เพราะราคาน่าเก็บสุดๆ ไตรภาคนิโกโปล จากราคาปก 450 ลดเหลือ 380 เองนิ ส่วนร้านชำฯ จาก ราคา 198 บาท ลดเหลือ 160 บาท กระชากขนาดนี้ ไม่มีใครกลับจากบูธเราไปมือเปล่าสักคน น่ารักจริงๆ ค่ะ ต้องขอบคุณมากๆ เลย :)
........................







วันนี้ มีหลายคนมายืนถ่ายรูปกับแผ่นป้ายปกหนังสือยาขอบด้วย

เกิดไปเลยนะปกนี้ :)




น้องบี (ซ้าย) กับน้องแพร สองสาวนักศึกษาปีสี่จาคณะศิลปศาสตร์ มหิดล มาช่วยเรารับผิดชอบการขายหน้าร้านตลอดงานนี้ค่ะ ถ้ามีช่วงว่างบ้าง น้องๆ ก็จะถูกพวกพี่ๆ บังคับให้อ่านหนังสือตลอด แบบว่ากลัวน้องเค้าอ่านหนังสือเรียนมากไป เลยอยากให้อ่านหนังสืออ่านเล่นบ้างน่ะนะ ฮ่า :)



น้องผู้ชายคนนี้ มาเที่ยวงานหนังสือกับคุณแม่และพี่สาว ซึ่งหน้าเหมือนกันเป๊ะทั้งสามคน เหมือนซีร็อกซ์กันมา 100 เปอร์เซ็นต์ น้องเดินมาถึงหน้าร้านเราก็ดุ่มเข้ามาเลย และขลุกอยู่ในร้านท่านี้เกือบครึ่งชั่วโมง โดยมีคุณแม่กับพี่สาวยืนยิ้มรออย่างอารมณ์ดีอยู่นอกร้าน คุณแม่หันมาบอกฉันด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า "ลูกชายเค้าชอบอ่านหนังสือมาก" เราก็ต้องภูมิใจอีกเท่าตัวสินะ ที่น้องเค้าแวะมาช็อปบูธเราด้วย มัวแต่คุยเพลินเลยไม่สังเกตแฮะ ว่าน้องเค้าได้อะไรติดมือกลับบ้านไปด้วย





น้องผู้หญิงสองคนนี้แวะมาเลือกหนังสือ'ปราย พันแสง อยู่นาน จนไม่ทันสังเกตว่าคนเขียนยืนแอบลุ้นอยู่ใกล้ๆ ว่าน้องเค้าจะหยิบเล่มไหนน้า กะว่าน้องเค้าหันมาทางเราก็จะทักทาย ว่านี่ไง คนเขียนอยู่นี้ วู้ วู้

......

ปรากฏน้องเค้าเลือกหนังสืออย่างตั้งใจมาก จนไม่มองมาทางคนเขียนแม้แต่นิดเดียว ฮ่า สองภาพสุดท้ายนี้ถ่ายก่อนปิดร้าน (วันที่ 30 มีนาคม) รอบนี้มีคนแซวว่าเด็กมหิดลขายหนังสือให้เด็กจุฬาฯด้วยนะ เอาให้ครบทุกสถาบันเลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องแบ่งสี ฉันฟังแล้วก็ขำๆ เนื่องจากไม่ได้สังเกตกระดุมเสื้อน้องเค้าเลยแฮะ

.......

รู้สึกว่าวันนี้บูธเรามีลูกค้าเป็นนักศึกษาเยอะเป็นพิเศษ--นั่นแสดงว่าน้องๆ พวกนี้เค้าเลือกหนังสืออ่านได้ดีเหมือนกันเนอะ เนอะ :)

คุยเรื่องบูธมาเยอะแล้ว ขอคุยเรื่องหนังสือในบูธบ้าง

เฉพาะหนังสือออกใหม่ในงานนี้ละกันนะ เล่มก่อนหน้านี้ ถ้าสนใจ คลิกไปอ่านที่บล็อกฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ได้เลยค่ะ



The Picture of Dorian Gray
ภาพวาดโดเรียน เกรย์

ในจำนวนหนังสือใหม่หกเจ็ดเล่มของฟรีฟอร์มรอบนี้ ถ้าสามารถซื้อได้เล่มเดียว ฉันขอแนะนำเล่มนี้ค่ะ ภาพวาดโดเรียน เกรย์ คุ้มแน่นอนค่ะ คุณสามารถเก็บไว้เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานได้ไม่รู้จบ บอกได้อย่างนั้นเลย นี่คือหนังสือที่มีค่ามาก สำหรับคนที่รักหนังสือ

หลายปีมานี้ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้หลายรอบ คัดคำพูดเด็ดๆ ของออสการ์ ไวลด์ ไปใช้อ้างอิงในงานเขียนหลายครั้ง เคยหอบหนังสือไปอยู่เชียงใหม่ด้วยตั้งนาน กะว่าเขียนนิยายตัวเองเสร็จเมื่อไหร่ จะลงมือแปลหนังสือเล่มนี้

ทำไมน่ะหรือ มันคงเหมือนกับการที่ฉันอยากพิมพ์งานของ "ยาขอบ" นั่นกระมัง มันอาจจะเป็นการ "บูชาครู" อย่างที่คนไม่มีชื่อแถวๆ นี้เคยบอกไว้ :) ค่าที่ว่าฉันเคยแปลบทกวีของออสการ์ ไวลด์ เคยนำคำคมๆ ของเขามาใช้อ้างอิงในงานเขียนของตัวเองบ่อยๆ

..............

เมื่อมีโอกาส ก็อยากจะนำเสนอผลงานเขาออกมาให้ผู้อ่านได้ลิ้มรสกันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง แทนที่จะอ่านหรือสัมผัสเพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในงานเขียนของฉันเท่านั้น

แต่ในที่สุด เมื่อเห็นว่านวนิยายของตัวเองที่เริ่มไว้ยังไม่มีแววว่าจะจบลงสักที ฉันก็เลยตัดสินใจส่งหนังสือเล่มนี้เข้าระบบของสำนักพิมพ์ --ให้ทางทีมงานฟรีฟอร์มจัดหาคนที่เหมาะสมมาแปล

...............

น่าแปลกนะ นักแปลหลายท่านที่เราเคยทาบทาม ทุกคนกลัวการแปลหนังสือเล่มนี้กันทั้งหมดเลย คงเพราะชื่อเสียงขั้น"เทพ"ในแวดวงวรรณกรรมของออสการ์ ไวลด์นั่นเอง

.............

เดิมที เราเคยวางแผนเอาไว้ว่าจะให้เป็นผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกของฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ แต่ด้วยเนื้อหาและสำนวนภาษาที่ค่อนข้าง "ฮาร์ดคอร์" ในกระบวนการจัดพิมพ์ จึงใช้เวลาในการแปล ตรวจแก้ กลั่นกรอง กันอยู่นานมาก

................

ด้วยเนื้อหาปรัชญาของศิลปะบริสุทธิ์และสุนทรียศาสตร์ลึกซึ้ง ที่มีฉากเป็นบรรยากาศหรูหราในสังคมชั้นสูงของอังกฤษ ในบรรยากาศของนิยายกอธิค ที่มีความหม่นมืดปนสยองขวัญอยู่บางๆ จึงทำให้หนังสืออ่านสนุก น่าติดตาม ไม่เคยตกสมัยเลยแม้แต่นิด ดังเราจะพบว่ามีการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครเวทีซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนตัวฉันเคยดูฉบับภาพยนตร์มาสองสามเวอร์ชั่น แล้วพบว่า หนังมันมีกลิ่นอายของโฮโมเซ็กช่วลรุนแรงมาก จนบางคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่รู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลังของนวนิยายเรื่องนี้มาก่อน เรียกหนังโดเรียน เกรย์ ว่าเป็น "หนังเกย์" ไปเลยก็มี

.................

ฉันไม่ได้ต่อต้านเกย์ เพื่อนพ้องน้องพี่สุดที่รักก็อยู่ในข่ายนี้หลายคน ก็ยังรักใคร่นับถือกันดี แต่การทำหนังทำละครหรือแม้แต่เขียนอะไรเกี่ยวกับเกย์นั้น ถ้ารสนิยมคนทำไม่ดีพอ มันจะลงต่ำและดูเป็นเรื่องหยาบคายได้ง่ายมาก

.............

ยิ่งมีการสร้างหนังจากนวนิยายเรื่องนี้บ่อยเพียงใด ฉันรู้สึกว่าเนื้อหามันคงยิ่งห่างไกลจากนวนิยายต้นฉบับเข้าไปทุกที เคยดูเวอร์ชั่นหนึ่ง โดเรียน เกรย์ เป็นนายแบบด้วยแหละ ส่วนท่านลอร์ดเฮนรี่เป็นเจ้าป้า เอ๊ยเป็นกูรูแฟชั่น :) เฮ้ย เล่นกันงี้เลยเรอะ ฉันร้องจ๊าก

..........

นั่นยิ่งเป็นอีกหนึ่งแรกผลักดัน ที่ทำให้คิดว่า อย่างไรเสีย ฉันก็จะต้องผลักดันให้นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในภาษาไทยให้ได้

โดเรียน เกรย์ ไม่ใช่นิยายเกย์ค่ะ แม้ว่าบรรยากาศของสโมสรสุภาพบุรุษในเรื่อง จะมีกลิ่นอายของโฮโมเซ็กช่วลอยู่บ้าง แต่เป็นแค่กลิ่นอายให้เราตีความกันไป ทั้งนี้คงเป็นเพราะออสการ์ ไวลด์ เป็นจีเนียสและรสนิยมเลอเลิศมาก เขาเป็นคนรักความงาม รักสุนทรียศาสตร์อย่างคนที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เขาไม่ได้เขียนความเป็นเกย์ออกมาอยาบคายโจ๋งครึ่มเหมือนที่หนังสือประเภทนี้นิยมทางกัน

อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยที่เขาเขียน โดเรียน เกรย์ นั้น ชีวิตโฮโมเซ็กช่วลเป็นเรื่องที่ถูกต่อต้านอย่างหนัก ออสการ์ ไวลด์จึงไม่ได้เสนอภาพเกย์ออกมาชัดเจนนัก โดยเฉพาะในตอนหลัง เมื่อเขาถูกกลั่นแกล้งจนติดคุกด้วยข้อหามีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายหนุ่ม ในศาล ยังมีการอ่านบางตอนของนิยายเรื่องนี้เพื่อยืนยันความผิดของเขาด้วย ซึ่งเราท่านสมัยนี้ลองอ่านดูเถอะ ว่ามันตลกแค่ไหน :)

แน่นอนบุคลิคตัวละครและสังคมชายหนุ่มที่ปรากฏในเรื่อง The Picture of Dorian Gray อาจจะมีนัยประหวัดเช่นนั้นได้ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องราวในชีวิตจริงของผู้เขียน ที่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลานานด้วยข้อหารักร่วมเพศด้วยแล้ว ก็คงยากที่จะตีความไปในทางอื่นได้

...

หากแต่ฉันเห็นว่าประเด็นรักร่วมเพศนั้นเป็นเสน่ห์ ที่ทำให้เราคิดไปเองได้เยอะๆ และเป็นประเด็นเล็กน้อยมากสำหรับหนังสือที่ยิ่งใหญ่เล่มนี้ เรื่องบาป เรื่องศาสนาอาจจะเป็นประเด็นสำคัญกว่าด้วยซ้ำ ถ้าจะตีความกันจริงๆ คงน่าเสียดาย หากผู้คนจะมีโอกาสได้ชมกันแต่ฉบับภาพยนตร์ซึ่งหาชมได้ง่าย และได้มองเห็น The Picture of Dorian Gray เป็นเพียงนวนิยายเกย์ธรรมดาเรื่องหนึ่ง จนมองข้ามส่วนสำคัญ อีกมากมายในหนังสือไปจนหมดสิ้น

“ในบรรดานักเขียนไทยที่คล้ายออสการ์ ไวลด์ที่สุด เห็นจะได้แก่คึกฤทธิ์ ปราโมช โดยเฉพาะก็ทางด้านการแต่งกายและกินอยู่ กับความเป็นอภิชนที่ใช้ภาษาอย่างแหลมคม” อาจารย์ ส. ศิวรักษ์ เคยกล่าวถึงออสการ์ ไวลด์ ไว้เช่นนั้น

ทั้งยังยกย่องไว้ด้วยว่า ความเฉลียวฉลาดและความสามารถทางการเขียนของออสการ์ ไวลด์นั้นเหนือชั้นกว่าคนมีพรสวรรค์อย่างที่ผู้คนมักกล่าวอ้างกัน “คำพูดของเขา ในชีวิตจริงหรือในบทละคร ออกจะเหมือนกัน ล้วนเป็นคำคม ที่คนจำได้กันอย่างติดใจแทบทุกประโยคและวลี โดยเขาถือว่าเขามีอัจฉริยภาพ (Genius) ซึ่งต่างจากผู้ที่มีความสามารถ (Talented)”

นั่นคือ ออสการ์ ไวลด์ ในทัศนะของนักคิดนักเขียนไทย เจ้าของฉายา “ปัญญาชนสยาม”


ออสการ์ ไวลด์ มีชื่อเสียงมากในเรื่องการเขียนบทละคร ทุกวันนี้ยังมีการนำผลงานของเขามาสร้างละครเวทีเปิดแสดงให้ชมกันอยู่เสมอในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของสำนวนตอบโต้แหลมคม มีเชิงชั้น มีแง่มุมลึกล้ำชวนให้คิดตีความได้กว้างไกล มีเสน่ห์ชวนหลงใหล ชวนให้พินิจพิเคราะห์ตีความใหม่ๆ ได้เสมอ





The Best Short stories of Guy De Maupassant
เงื้อแล้ว…ก็ต้องฟัน
มนันยา : แปล

รวมเรื่องสั้นดีที่สุดของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ หนังสือเล่มนี้มีที่มาจากวงสนทนาประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ในแวดวงคนทำหนังสือเมื่อยามเย็นในวันศุกร์หนึ่งในร้านอาหารละแวกประชาชื่น

หลังจากที่คุยกันสัพเพเหระเกี่ยวกับหนังสือหนังหามาพักใหญ่ คุณเสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการบริหารนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาและหุ้นส่วนของฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ก็หันมาเอ่ยกับฉันว่า "ทำไมคุณไม่ลองคัดเรื่องดีๆ ของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ มาพิมพ์ใหม่ล่ะ ผมว่าของเก่าเขาแปลไว้ยังไม่ค่อยดีนะ แต่โมปัสซังต์เขียนเรื่องดีๆ ไว้เยอะมาก ผมอ่านอีกก็ยังชอบอยู่หลายเรื่อง" แล้วหลังจากนั้นวงสนทนาของเราจึงกลายเป็นเรื่องโมปัสซังต์ไปอีกพักใหญ่ ต่างคนต่างงัดเรื่องที่ตัวเองเคยอ่านแล้วชอบ ออกมาเล่าสู่กันฟังขนานใหญ่

...

เมื่อฟรีฟอร์มรวบรวมต้นฉบับได้ครบแล้ว จึงมีการคัดสรรนักแปล ทีแรกฉันเสนอว่า คนแปลน่าจะเป็นคุณตู๋ วลัยภรณ์ นาคพันธ์ คนที่แปล "ผู้หญิงสีฟ้าครึ้มฝน" กับ "ผู้ชายครึ่งฝัน" เพราะคุณตู๋เคยบอกว่า ตอนไปเรียนที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องการเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาฝรั่งเศส อาจารย์ของเธอเลยแนะนำให้อ่านหนังสือของโมปัสซังต์เพื่อสร้างความคุ้นเคยด้านภาษา

ปรากฏว่าการลุยอ่านโมปัสซังต์ครั้งนี้ ทำให้เธอชื่นชอบผลงานของนักเขียนท่านนี้เป็นอย่างมาก---ฉันจึงคิดว่า คุณตู๋นี่ล่ะ เหมาะที่สุด เพราะนอกจากเธอจะเป็นคนรุ่นใหม่แล้ว ความรู้เกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศสของเธอก็ดีเยี่ยม พอๆ กับความเชี่ยวชาญในการเลือกสรรคำแปลมาเป็นภาษาไทยของเธอนั้นก็อยู่ในระดับ "มืออาชีพ" ทีเดียว บ่งบอกถึงความเป็นนักอ่านระดับพระกาฬ

........

สำนวนแปลของคุณวลัยภรณ์จึงอ่านลื่น สละสลวย เป็นนักแปลหน้าใหม่อีกคน ที่เป็นขวัญใจทีมงานฟรีฟอร์มเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงความหลังที่เธอมีต่อโมปัสซังต์ด้วยแล้ว เราจึงไม่เห็นใครเหมาะจะแปลงานของโมปัสซังต์ ได้เท่าเธออีกแล้ว เพียงแต่ระหว่างนั้น คุณตู๋เธอกำลังแปล แมร์ด แอคชวลลี่ อยู่ เราเลยยังไม่ได้ทาบทาม กะว่าเสร็จเล่มนี้แล้วค่อยว่ากัน

...

แต่ปรากฏว่าช่วงงานมหกรรมหนังสือปลายปีที่ผ่านมา ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ได้มีโอกาสต้อนรับขับสู้ "คุณมนันยา" ที่มาแจกลายเซ็นในงาน คุยไปคุยมาท่าไหนไม่รู้ เมื่อคุณมนันยารู้ว่าเรากำลังเตรียมแปลโมปัสซังต์ แต่ยังไม่ได้ติดต่อคนมาแปล คุณมนันยาซึ่งตอนนั้นก็งานล้นมือ ยังหลุดปากบอกเราว่า "ให้พี่เป็นคนแปลมั้ย พี่ใฝ่ฝันมาตลอดเลยว่าจะได้แปลงานของนักเขียนคนนี้ พี่ชอบงานเค้ามาก ว่าแต่ฟรีฟอร์มจะพิมพ์แน่หรือเปล่า"

...

โอ๊ะโอ! นักแปลระดับนี้เอ่ยปากขนาดนี้ ใครไม่ตกลงก็บ้าแล้ว ว่ามั้ย และแล้วในที่สุดรวมเรื่องสั้นชุดแรกของกีย์ เดอร์ โมปัสซังต์ เล่มแรกที่เราพิมพ์ออกมา จึงมีที่มาอย่างนี้เอง ส่วนเล่มต่อไป จะวางแผงในเดือนหน้านี้แล้วค่ะ ไม่ต้องรอนานเลยคราวนี้ (อ้อ ตอนนี้คุณวลัยภรณ์กำลังแปลงานนักเขียนฝรั่งเศสเล่มใหม่ให้ฟรีฟอร์มอยู่ค่ะ ซึ่งเป็นนักเขียนขวัญใจของเธอเช่นกัน เผลอ อาจจะรักมากว่าโมปัสซังต์)

...

ลองอ่านดูเถอะค่ะ แล้วจะรู้เอง

ว่าทำไมพวกเราถึงรักงานเขียนของโมปัสซังต์กันนักนะ :)

.............................

.........................

.............ใ

...............

.............................

จดหมายรักยาขอบ,จดหมายรัก'ปราย พันแสง,สินในหมึก

จากที่มีโอกาสไปยืนขายแว้บๆ ที่งานเป็นบางครั้ง ปรากฏว่าเจอคำถามชวนอึ้งจากผู้อ่านที่แวะเวียนมาช็อปที่บูธเรา น้องผู้หญิงคนหนึ่งถามฉันว่า "พี่คะ พอดีหนูซื้อหนังสือเยอะ เพิ่งเจอบูธนี้ แต่ตังค์หมดแล้ว ถ้าซื้อได้เล่มเดียว ควรซื้อเล่มไหนดี" ฉันฟังแล้วก็อึ้งๆ ปนขำอยู่สองสามวิ (คนอ่านหนังสือเนี่ย น่ารักจริงๆ นะ ฉันรักพวกคุณจริงๆ เลย) เลยถามน้องเค้าว่า น้องชอบเล่นเน็ท ชอบเขียนบล็อก หรือเว็บไดอารี่อยู่หรือเปล่า" น้องเค้าตอบว่ามีบล็อก แต่ไม่ค่อยได้อัพ แต่ชอบเขียนนะ ฉันเลยบอกว่า งั้นซื้อเล่มนี้ดีกว่า "สินในหมึก" เขาสอนวิธีเขียนหนังสือซึ่งไม่ใช่ฮาวทูเกร่อๆ บ้าๆ บอๆ ที่คนชอบสอนกัน แล้วในเล่มนี้ก็ยังมีเรื่อง "ยาขอบ-พนิดา" อยู่บ้างบางตอน เรียกว่าถ้างบน้อย ได้เล่มนี้ไป ก็ยังสามารถสัมผัสอารมณ์วาบๆหวามๆ จากความรักของยาขอบได้ด้วยเหมือนกัน (สามเล่มนี้เคยเขียนถึงไปแล้วค่ะ คลิกอ่าน จดหมายรักยาขอบ จดหมายรัก'ปราย พันแสง และ สินในหมึก )



ชุดแมร์ด ซีรีส์
ห้าหกวันที่ผ่านมาของงานสัปดาห์หนังสือปีนี้ แมร์ดซีรีส์ เป็นหนังสือที่ขายสนุกที่สุด คือคุยกับคนซื้อได้สนุกมากบางคนอ่านเล่มแรก แล้วแวะมาซื้อเล่มที่เหลือ ก็จะคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จากหนังสือให้ฟัง แล้วก็หัวเราะกัน แม้แต่คนที่ไม่เคยอ่านมาก่อน ไม่รู้จักมาก่อน แค่บอกว่า "คุณมนันยาแปลไปหัวเราะไป"เท่านั้นแหละ เป็นคว้าหมับทุกราย

.................................

อย่างเล่ม 2 แมร์ด แอลชวลลี่ พวกเราในทีมขลุกอยู่ในกระบวนการผลิตหลายเดือน ก็ยังขำอยู่ทุกรอบ น้องกุ้งที่พิสูจน์อักษรบอกว่า "ขำมากเลยพี่ หนูอ่านรอบที่สามแล้ว ก็ยังขำอยู่" ส่วนตัวฉันว่าสนุกกว่าเล่มแรกนะ เพราะเล่มแรกเนี่ย เหมือนอีตาพอล เวสต์ จะเป็นลูกไล่คนฝรั่งเศส โดนหลอก โดนอะไรต่างๆ นานาๆ เพราะเพิ่งไปอยู่ฝรั่งเศส

.............

แต่แมร์ด 2 เนี่ย เหมือนอยู่มานานหน่อย จึงเริ่มจับทางหนีทีไล่คนฝรั่งเศสได้บ้างแล้ว ก็เลยมีสวนกลับบ้าง ตลกดี ส่วนแมร์ด 3 ทอล์ค ทู เดอะ สเนล เล่มนี้เป็นเรื่องวัฒนธรรมฝรั่งเศสแบบพอล เวสต์ คืออ่านแล้วได้ความรู้ แต่ก็ยังมีความบ้า ให้ฮาได้ ถ้าอ่านมาสองเล่มแล้ว เล่มนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือค่ะ :)

...........

ทอล์ค ทู เดอะ สเนล เหมือนออร์เดิร์ฟ ในการทำความรู้จักวัฒนธรรมฝรั่งเศส เหมาะจะอ่านไว้เป็นพื้นฐาน เพราะฟรีฟอร์มกำลังมีงานแปลอีกเล่ม "ฝรั่งเศส ฝรั่งแสบ" ที่กำลังจะวางแผงตามมา ใครที่เห็นท่าว่าจะไม่พลาดแน่ อย่าลืมรองท้องด้วยหอยทากก่อนค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ฮ่า :)



จริงๆ แล้วบูธฟรีฟอร์มเล็กๆ แบบนี้ คงหมาะจะต้อนรับผู้อ่านที่แวะมาช็อป ได้คราวละสองสามคนเท่านั้น จะได้ยืนเลือกหนังสือสบายๆ ไม่แออัดมาก

แต่บ่อยครั้งที่บูธเรามีสภาพนี้ :)

บางคนมายืนรออยู่นาน เข้าไปไม่ ต้องไปที่อื่นก่อน สักพักก็ค่อยแวะมาดูอีก ว่าพอจะเข้าไปได้หรือยัง มีรายหนึ่งคงติดธุระ หรือรีบกลับ มาสองรอบ ยังเข้าบูธไม่ได้ซักที มารอบที่สาม จดรายชื่อหนังสือมาห้าหกเล่ม แล้วบอกให้ช่วยส่งทางไปรษณีย์มาให้ด้วย เนี่ย ถ้าไม่พูดแบบยิ้มๆ กะเรา คงคิดว่าคนพูดหงุดหงิดมากเลยนะ --เราเองก็เกรงใจมากๆ แต่ไม่รู้จะทำไง อย่างไรก็ตาม ก็ปลื้มมากๆ ค่ะ ที่มีคนสนใจหนังสือฟรีฟอร์มขนาดนี้ ดีใจจริงๆ นะคะ ปีนี้ยังลุ้นอยู่เลย ว่าจะออกหัวออกก้อย ยิ่งคนเขาว่าเศรษฐกิจไม่ดีอยู่ด้วย แต่แฟนๆ ของฟรีฟอร์มยังเหนียวแน่นค่ะ น่าปลื้มจริงๆ :)





แบบนี้คนข้างหลังยัง พอลุ้น เราต้องลากชั้นข้างใน ออกมาวางข้างนอกอีกแถวหนึ่ง เพื่อแบ่งเบาความแออัดหน้าร้าน :)




แออัดเฉพาะหน้าร้านเราแบบนี้ บูธข้างๆ ก็มีแซวค่ะ :)







น้องฟ้า เสื้อสีม่วง นอกจากมีหนังสือพี่'ปราย ครบทุกเล่มแล้ว ตัวเธอเองยังเขียนนิยายขายด้วยนะคะ อยู่สำนักพิมพ์สีม่วงอ่อน (เก่งจริงๆ) ส่วนสองสาวสองภาพล่าง คนซ้ายมือเคยเจอกันแล้ว ในงานหนังสือคราวก่อน ส่วนน้องหน้าคมสวมแว่นคนขวา ก็อุดหนุนหลายเล่ม โดยมีชายหนุ่มของเธอช่วยเป็นตากล้อง ขอบคุณนะคะ (เสียดายจัง จำชื่อไม่ได้ คนเยอะเนอะ อยากจดไว้มากเลย แต่ไม่ทันจริงๆ)



ขวามือคือ "น้องฝ้าย" จำชื่อได้ค่ะ เพราะมาก่อนปิดร้านนิดเดียว น้องฝ้ายแวะมาซื้อหนังสือ'ปราย พันแสง ไปฝากคุณแม่"อี๊ด" ตามคำขอของคุณแม่ เธอบอกว่า "เป็นนักเขียนที่คุณแม่ชอบมากค่ะ ติดตามมาตลอดเลย" ตอนเซ็นชื่อให้ ก็แทบน้ำตาจะไหลค่ะ ขอบคุณจริงๆ น่ารักทั้งคุณแม่คุณลูกเลยค่ะ



วันนี้'ปราย พันแสง มาแจกลายเซ็นด้วยนะคะ "น้องปาล์ม" ค่ะ ลูกสาวของคุณพี่บูธข้างๆ ที่วิ่งเข้าออกบูธเรา พร้อมช่วยขายหนังสือด้วย ตอนที่ต้องเซ็นชื่อยุ่งๆ น้องปาล์มเธอก็อยากช่วยค่ะ :)

...

พวกเราชมว่า น้องปาล์มสวยจังเลย น่ารักจังเลย เธอก็บอกว่า "หนูมีพี่สาวด้วยนะ แต่ไม่สวยหรอก หนูสวยกว่า" เมื่อเราถามว่า แล้วหนูมีน้องมั้ย ปาล์มตอบว่า "หนูมีน้องอีกคนนึง แต่ไม่สวยเหมือนหนูหรอก หนูสวยกว่า เพราะน้องหัวล้าน"











น้องปาล์มบอก "ไฟท์ติ้งค่า :)"



ภาพจากบูธฟรีฟอร์ม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2552

ภาพวันที่ 5/1 [บนซ้าย] หนุ่มเสื้อขาวชื่อน้องตั้ม (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะคะ) มาถึงบูธก็ยื่นมือถือให้ บอก "มีคนชื่อต่าย อยู่ซิดนีย์ เค้าอยากคุยกับพี่'ปรายมากครับ" เลยได้คุยกับน้องต่ายจริงๆ น่าเห็นใจคนที่อยากมางานหนังสือแต่ไม่ได้มานะ น้องต่ายนับเป็นแฟนหนังสือที่อยู่ไกลที่สุดสำหรับวันนี้ :) [บนขวา] น้องส้ม มากับหนุ่มเสื้อเขียว ส้มเป็นแฟนหนังสือนานนนน มาก อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะน้องเค้าหน้าเด็กมาก ฮ่า [ล่างซ้าย]ถ้าจำไม่ผิด หนุ่มเสื้อลายสก็อต ชื่อคุณโบ้ย (ใช่หรือเปล่านะ) ให้เราถือป้ายชื่อด้วย ฮ่า คนนี้ก็ตามอ่านกันมานานมากเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลย ส่วนสองสาวเสื้อชมพูกับน้องสวมแว่นเสื้อสีน้ำตาล [ล่างซ้าย]จำได้ว่าเซ็นหนังสือกันหลายเล่ม พยายามนึกชื่ออยู่มากๆ เลย เพราะหนุ่มๆ ที่บูธถามพี่ว่าตอนเซ็นชื่อให้น้อง น้องเค้าชื่ออะไร :) แบบนี้ต้องมาอีกรอบนะคะ คราวนี้พี่ไม่ลืมแน่ :)



ภาพวันที่ 5/2[ภาพบนซ้าย] หนุ่มเสื้อลายฉายเดี่ยว เดินลิ่วมาสอย "จดหมายรักยาขอบ" ไปอย่างมั่นใจ ความว่าได้รับคำแนะนำที่เชื่อถือได้เป็นอย่างยิ่ง ใครนะใคร :) [ภาพบนขวา] ชื่อน้องวรรณ (ถ้าจำผิดขออภัยนะคะ) ดูเหมือนจะเดินหาบูธฟรีฟอร์มอยู่พักใหญ่ เพราะไม่ชินว่าเรามีบูธของตัวเองแล้ว ฮ่า [ล่างซ้าย]เซ็นหนังสือ "คนรัก เคยรัก ยังรัก" ให้สาวสวยคนหนึ่งค่ะ เสียดายที่จำชื่อเธอไม่ได้เสียแล้ว เหมือนสาวเสื้อสีน้ำเงินที่มากับหนุ่มเสื้อขาวค่ะ ถ้าแวะมาแถวนี้ก็ใบ้ๆ ชื่อให้พี่นิดนึงน้า :)





ภาพวันที่ 5/3[ภาพบนซ้าย] ชายหนุ่มสวมแว่น คือคุณจอร์จ มากับคุณวี (คนขวามือ) เป็นแฟนหนังสือ'ปราย พันแสง คุณจอร์จบอกว่า "ผมซื้อ เค้าอ่านด้วย" เสียดายว่าสาวสวยสวมหูฟังนั้น จำชื่อไม่ได้ค่ะ [บนขวา] ถ่ายภาพกับ "น้องจ๋า" ที่บอกว่าเป็นแฟนหนังสือ'ปราย พันแสง ตั้งแต่อายุห้าขวบ เพราะที่บ้านคุณพ่อรับนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์เป็นประจำ ตอนนี้น้องจ๋าเรียนแพทย์ปี 1 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ [ล่างขวา]สาวเสื้อแดงกับสาวฟ้า (ผ้าคลุมไหล่สีน้ำตา) แก๊งสาวป่วนประจำวัน แอบหนีงานบูธอื่นมาป้วนเปี้ยนบูธเราเป็นประจำ ส่วนอีกสาว (ภาพล่างขวา) คือ"น้องจี"บรรณาธิการเวิร์คพอยท์พับลิชชิ่ง วันนี้คาดผ้ากันเปื้อนตราเวิร์คพอยท์ มาซื้อหนังสือ "ร้านชำสำหรับคนอยากตาย"และ "คนรัก เคยรัก ยังรัก" พร้อมบังคับให้พี่'ปรายเซ็นชื่อให้ด้วย ไม่เว้นกระทั่งหนังสือ "ร้านชำฯ" แม้จะบอกว่าพี่ไม่ใช่คนเขียนก็ตาม :)




ภาพวันที่ 5/4 ชุดนี้ก็แฟนพันธุ์แท้เหมือนกัน โดยเฉพาะคุณเสื้อแดง จริงๆ ขายหนังสืออยู่บูธถัดจากเราไปสองสามบูธอีก แต่แวะมาช็อปที่บูธเราหลายเล่มเลย ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ส่วนสาวๆ ที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง ไม่ใช่อะไรค่ะ จำชื่อไม่ได้อีกล่ะ กล้องเนี่ย น่าจะบันทึกเสียงได้ด้วยนะ :)







ภาพวันที่ 5/5 [ภาพบนซ้าย]สาวเสื้อสีเทา ถือหนังสือ "มิสยู" ชื่อน้องผักบุ้ง แวะมาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้มาอีก จึงได้ลายเซ็นในหนังสือกลับไปด้วยสมความตั้งใจ ขอบคุณนะคะน้อง :) [ภาพล่างซ้าย] หนุ่มเสื้อสีชมพูกับสาวเสื้อดำ ขอบคุณมากๆ เหมือนกันค่ะ อุดหนุนฟรีฟอร์มหลายเล่มเลย อ่านหนังสือด้วยกันได้เนี่ยประหยัดดีจังเนอะ [ภาพล่างขวา]น้องนิวคนสวย พนักงานขายของเราอีกคน จากคณะศิลปศาสตร์ฯ เช่นกัน วันนี้น้องนิวสลับขายกับน้องแพรซึ่งหยุดไป


ภาพจากบูธฟรีฟอร์ม เมื่อวันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2552 (วันสุดท้ายของงานสัปดาห์หนังสือปีนี้แล้วค่ะ)

ภาพวันที่ 6/1

ภาพวันที่ 6/2



ภาพวันที่ 6/3



ภาพวันที่ 6/4




ภาพวันที่ 6/5


ภาพวันที่ 6/6



ภาพวันที่ 6/7


ภาพวันที่ 5/8


ภาพวันที่ 6/9




ภาพวันที่ 6/10


ภาพวันที่ 6/11


ภาพวันที่ 6/12










ตกหล่นชื่อเสียงเรียงนามของบางท่านไปบ้างอย่าถือสาเลยนะคะ ขอบคุณมะโหน่งและน้องแทมสำหรับภาพถ่ายที่เห็น ขอบคุณทุกคนในภาพถ่ายที่ทำให้บูธฟรีฟอร์มมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ อ๊า พูดเหมือนจะขึ้นรับออสการ์ ฮ่า แต่อยากขอบคุณจริงๆ ค่ะ ขอบคุณทุกคน ที่ทำให้อีกวันในชีวิตของคนเขียนหนังสือตัวเล็กๆ คนหนึ่งมีความหมายขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ :)






Tatto Media ..

พ็อคเก็ตบุ๊คออกใหม่ ฟรีฟอร์มสำนักพิม

[ขวา]
พ็อคเก็ตบุ๊คออกใหม่ วางจำหน่ายแล้ว มกราคม 2553
ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์
Last update :Jan-2010
.............

●พ็อคเก็ตบุ๊คฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ปกติวางจำหน่ายที่ร้านนายอินทร์,ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์,ร้านดอกหญ้า สยามแสควร์ ซอย3, ร้านคิโนะคุนิยะ,ร้าน Sauce Art Literature เอกมัย (Vanilla House), ร้านแพร่พิทยา, ร้านบุ๊คคลับ,ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ --หาไม่เจอกรุณาสอบถามพนักงาน [เค้าจะได้รีบหาหรือรีบสั่งมาวางไงคะ เป็นการช่วยสำนักพิมพ์ได้ด้วยทางหนึ่ง] .ใ

● หาอ่านไม่ได้จริงๆสามารถติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ สำนักงานฟรีฟอร์ม....... บริษัท ลมดี จำกัด เลขที่ 22/5 สุขุมวิท 23 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0-2664-4256-7 โทรสาร 0-2664-4259 (เวลาทำการ 09.00 - 17.00 น. หยุดเสาร์-อาทิตย์) และ 08-5664-9612 อีเมล: freeformthailand@hotmail.com

สำนักพิมพ์ โลนลี่ปาย [lonely pai]
พิมพ์หนังสือปาย ทำในปาย และขายเฉพาะในปาย
ในเครือฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ รับสมัคร กองบรรณาธิการ และ กราฟิคดีไซเนอร์ ฝีมือดี พร้อมเดินทางมาทำงาน
ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
กองบก.ควรมีกล้องดิจิตอล และ pc ของตัวเองมาด้วย
ดีไซเนอร์ควรมีแมคฯ และใช้อินดีไซน์คล่อง
สนใจส่งประวัติและผลงานมาที่อีเมล์ lonelypai@hotmail.com
ด่วนมากๆ งานรอเพียบจ้า!
.......................

ส้นสูง สโนว์ไวท์ ลิปสติก

คำ ผกา เธอคือไม้ขีดไฟ ผู้พร้อมจะจุด : พ.ศ.นี้บอกได้ว่าเธอก้าวขึ้นมาเป็นเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นอีกคนหนึ่ง ด้วยงานเขียนเปื้อนสีโยนออกมาพร้อมลูกระเบิดและไม้ขีดไฟที่จุดติด นอกเหนือจากเนื้อหาที่โดนใจคนหลายคน และขัดใจคนอีกหลายคนเช่นกัน สิ่งที่ทำให้โดนและขัดนั้นคือภาษาที่สื่อสารกับผู้อ่านอย่างถึงอกถึงใจ ร้อนแรง และแสบสันต์
..................

ส้นสูง สโนว์ไวท์ ลิปสติก : กุสุมาลย์ ณ ลำพู + คำ ผกา - ผลงานจดหมายโต้ตอบระหว่างผู้หญิงสองคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ แฟชั่น สื่อ ผ่านมุมมองทางสังคม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ภาษาพูดแบบถึงลูกถึงคน เจ็บ แสบ กัด มันส์ โดย คำ ผกา คอลัมนิสต์ลูกชาวบ้าน กุสุมาลย์ ณ ลำพู เป็นสาวไฮโซฯ เพื่อนสนิท (วางจำหน่ายแล้ว)

.............

เมนูปรารถนา รักไม่เคยชิน คำ ผกา

......................... ..............

เมนูปรารถนา : คำ ผกา -พิมพ์ครั้งที่ 2 เรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ และอารมณ์โรแมนติกของฮิมิโตะ ณ เกียวโต อีกภาคหนึ่งของคำ ผกา โดยเขียนเชื่อมโยงกับฤดูกาล อาหาร เครื่องดื่ม ขนม อันหลากหลาย (วางจำหน่ายแล้ว)

..................................

............................

.........................................

................................ .........

รักไม่เคยชิน : คำ ผกา - ความรักความสัมพันธ์ ปัญหาซับซ้อนสารพันของคนสมัยใหม่ ในมุมมองของผู้หญิงยุคนี้ ผิดถูกเลวดีเราไม่เอ่ยถึง เพียงแต่ทุกอย่างสามารถอธิบายได้ด้วยมุมมองทางสังคม ประวัติศาสตร์ (วางจำหน่ายแล้วนี้)

Alice in Wonderland

...................................................
freeform fairy tales
ชุดออริจินอล 3 เล่ม ที่ห้ามพลาด
.........
เทพนิยายที่เด็กทุกคนต้องอ่าน
ผู้ใหญ่ทุกคนต้องผ่าน
.......
ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์แนะนำสุดหัวใจ :)
เริ่มต้นกันด้วย
Alice in Wonderland : อลิซในดินแดนพิศวง
by Lewis Carroll
จิระนันท์ พิตรปรีชา: แปล
.....................
มาร่วมกันต้อนรับ Alice in Wonderland ที่กำลังจะกลายเป็นฉบับภาพยนตร์อีกครั้งโดยฝีมือกำกับภาพยนตร์ของ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับสุดเซอร์เจ้าของผลงานภาำพยนตร์เรื่องดังมากมาย (รวมถึงพ็อคเก็ตบุ๊ค "เด็กชายหอยนางรม" ที่หลายคนกำลังตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย) โดยมี จอห์นนี่ เดปป์ มารับบทบาทชายมหัศจรรย์ The Mad Hatter : จิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์ บรรจงแปลสุดฝีมือ ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์จัดพิมพ์ เพื่อนักอ่านชาวไทยที่"หลงรักเทพนิยาย"และ"หลงรัก"จอห์นนี่ เดปป์โดยเฉพาะ : ) คลิกอ่านต่อ
..............

เหตุเกิดเพราะเชือกเส้นเดียว+เงื้อแล้วก็ต้องฟัน

เหตุเกิดเพราะเชือกเส้นเดียว........ มนันยา แปล ......... ขายดีติดอันดับ 1. จากงานสัปดาห์หนังสือไปแล้ว สำหรับ “เงื้อแล้วก็ต้องฟัน” ผลงานรวมเรื่องสั้นชั้นเทพชุดที่ 1. ของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ นักเขียนในดวงใจตลอดกาลของนักแปลมือ 1.ของเมืองไทยอย่าง “มนันยา”ที่เจ้าตัวบรรจงคัดเลือกเรื่องสั้นแต่ละเรื่องมาแปลด้วยตัวเอง ในสำนวนคมกริบ ไม่บันยะบันยัง ถึงลูกถึงคนอันเป็นเอกลักษณ์
...............
สำหรับ ผลงานรวมเรื่องสั้นชั้นเทพชุดที่ 2. ของกีย์ เดอ โมปัสซังต์คราวนี้ “มนันยา” ยังคัดเลือกทุกเรื่องที่เธอชอบมาแปลด้วยตัวเองอีกเช่นเคย คราวนี้ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ทำให้อ่านอิ่มจุใจ ด้วยหนังสือเล่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องสั้นสุดเจ๋งที่คัดแล้วอย่างดี
..........................................................................................
...............................
เหตุเกิดเพราะเชือกเส้นเดียว มีทั้งหมด 25 เรื่อง อาทิ .เพราะไม่กล้านอนเตียง .หอมกลิ่นคอกม้า.แกล้งเจ้าบ่าว ความพยาบาท .เรื่องรักในป่าโปร่ง .สงครามกับหญิงวิกลจริต . เผื่อจะใช้บริการ . เหตุเกิดเพราะเชือกเส้นเดียว . หล่อนเป็นใคร . ผู้มีรักแท้ . ตวงเมียขาย . ปารีสที่อยากรู้จัก . ความในใจของทหารรับใช้ . โชคของผู้หมวดลาร์ . ความลับที่เพิ่งได้รู้ . ความรักอันรุนแรง 7. เบื่อเหลือเกิน . ดาบนี้ขึ้นสนิม . ความรักนิรันดร . ทนไม่ไหวแล้ว ทุกเรื่องยังคมกริบ โหด มันส์ ฮาแบบไม่กล้าวาง ไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำเช่นอีกเช่นเคย ฟรีฟอร์มรับประกันว่าอ่านแล้วติดหนึบและจะต้องรีบร้องหาเล่ม 3. มาอ่านโดยพลัน! เล่มต่อไปน่ะหรือ คงไม่ต้องรอนาน กำลังจะวางแผงตามกันมาในเร็วๆ นี้
................ ................... .......................................................................................................................... ....................... ..........................
The Best
Short stories
of Guy De
Maupassant เงื้อแล้ว…
ก็ต้องฟัน มนันยา
: แปล
..............
รวมสุดยอดเรื่องสั้นชั้นเทพของกีย์ เดอ โมปัสซังต์ หักทุกมุม ไม่บันยะบันยัง “มนันยา” บรรจงคัด 12 เรื่องสั้นแสนรักมาบรรจงแปลสุดฝีมือ ผลงานสุดยอดเรื่องสั้นของนักเขียนอายุสั้น ผู้ฝากผลงานยืนยงและยิ่งใหญ่เอาไว้ในโลกวรรณกรรม ด้วยฉายา “บิดาแห่งเรื่องสั้นโมเดิร์น” ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นใหม่ๆ ออกวางจำหน่ายเกือบทุกปี โดยนักแปลหลายรุ่นหลายคน แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดระดับขึ้นหิ้ง ยิ่งผ่านการเจียระไนจากนักแปลมืออาชีพระดับฉกรรจ์เช่น“มนันยา”ด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่า “ห้ามพลาดทุกกรณี!” (ราคาปก 165 บาท) คลิกอ่าน,ประวัตินักเขียน-นักแปล และรายละเอียดเกี่ยวกับ "เงื้อแล้ว...ก็ต้องฟัน" ทั้งหมด

พิศวาสเลือด,ทฤษฎีแห่งการฆ่า

SEX CRIME
พิศวาสเลือด

“ฆาตกรบางครั้งก็เป็นคนธรรมดา จนกว่าจะมีความต้องการทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง เจาะลึกสารพัดเล่ห์ร้ายก่อนที่คุณจะกลายเป็นเหยื่อ ….คนฆ่าคนได้ลงคอเพราะอะไร เพราะโกรธ เกลียด อาฆาตมาดร้าย นั่นอาจจะปกติธรรมดา เพราะการฆ่าอีกมากมาย มีสาเหตุซับซ้อนมากกว่านั้น อย่างฆาตกรหญิงที่ฆ่าสามี แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ หนึ่ง ผู้หญิงที่อายุน้อยที่มีความต้องการทางเพศสูง และสอง เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ผิดหวังในเรื่องชีวิตคู่ การศึกษาพบว่าการที่ภรรยาลงมือฆ่าสามีนั้น เกิดขึ้นน้อยกว่าการที่สามีฆาตกรรมภรรยา ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ฯลฯ ? (วางจำหน่ายแล้ว) คลิกอ่านรายละเอียด

...................................................................................
...................................................................................
.................................................................................
CRIME SCENES
ทฤษฎีแห่งการฆ่า

ครั้งแรกกับการรวมรวมสารพัดทฤษฏีแห่งการฆ่า แม้ว่าความโหดเหี้ยมของฆาตรกรนั้น บางครั้งไม่มีรูปแบบซับซ้อนใดๆ มากมาย ฆาตรกรจำนวนไม่น้อยเลย ที่ฆ่าคนได้โดยไม่ต้องมีแรงจูงใจใดๆ ทั้งสิ้น ฆาตรกรต่อเนื่องก็คือฆาตกรที่ลงมือฆ่าซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการข่มขืน เท็ด บันดี เป็นนักศึกษากฏหมายรูปหล่อ ทุกคนในศาลต้องมองเขาจนเหลียวหลัง เขาเป็นตัวอย่างชั้นดีในการศึกษาจิตใจฆาตกรต่อเนื่อง ฉายาของเขาคือ นักฆ่าไอคิวสูง” , อัจฉริยะบางคนอาจจะมีความเป็นฆาตรกรอยู่ในตัว หากมองย้อนไป นักเขียนชื่อก้องโลกทั้งหลายต่างเติบโตมาจากการเป็นเด็กก้าวร้าว และเป็นคนเจ้าอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้นฯลฯ(วางจำหน่ายแล้ว) คลิกอ่านรายละเอียด

หวงเยวี่ยน

หวงเยวี่ยน : หนุ่มนักเขียนดาวรุ่งวัยยี่สิบแปด เคยโพสต์นิยายบนอินเทอร์เน็ต แต่ผลงานก้าวพ้นนิยายรักสูตรสำเร็จแบบอินเทอร์เน็ตไปไกลโพ้น ด้วยความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ กรุยทางสร้างสไตล์เฉพาะตัว มีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้อ่านติดหนึบ สมัยเรียนมัธยมเคยไม่พูดไม่จาถึงครึ่งปี เคยเดินรอบสนามแปดคาบเรียนเพื่อขบคิดข้อสงสัยเกี่ยวกับชีวิต บ้าหนังสือหนัก-ขนาดสะสมเล่มที่อ่านจบแล้วได้มากกว่าหมื่นเล่ม เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสือการ์ตูน และนิยามตัวเองว่า "ผมไม่ใช่คนธรรมดา แต่ผมเป็นระเบิด!"

...........................................................................
....................................................
................................................................................................................................
.....................................
............................
剪刀石頭布 ฆ้อน กรรไกร กระดาษ
หวงเยวี่ยน : เขียน
อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี : แปล
'ปราย พันแสง : คำนิยมชมชื่น
[ผลงานเล่มใหม่ล่าสุดของหวงเยวี่ยน
-วางจำหน่ายแล้ว] ...
ฆ้อน กรรไกร กระดาษ”ผลงานเล่มใหม่ล่าสุดของหวงเยวี่ยนจากฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ เป็นเรื่องของชีวิตหญิงสาวตัวเล็กๆ ในสังคม เป็นคนธรรมดาๆ ที่พยายามไขว่คว้าหาความไม่ธรรมดาของชีวิต ด้วยบุคลิคสาวออฟฟิศหน้าตาเรียบๆ คุณสมบัติส่วนตัวและนิสัยใจคอก็ไม่ได้โดดเด่นเกินใคร แต่ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป หลังจากที่เธอได้มีโอกาสได้ชื่นชมภาพวาดชื่อ “รัตติกาลแรก” เมื่อเธอมีโอกาสช่วยเหลือชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งติดอยู่ในแกลเลอรี่เพราะไฟดับ และชายหนุ่มนั้นบังเอิญเป็นผู้วาดภาพนั้น....“ฆ้อน กรรไกร กระดาษ” เคยสร้างความประทับใจมาแล้วจากซีรี่ส์ไต้หวันยอดนิยม เคยฉายในเมืองไทยภายใต้ชื่อ “เกมรักหักเหลี่ยมซี้” ในฉบับซีรี่ส์ย่อมจะมีความแตกต่างจากต้นฉบับดั้งเดิม และ “ฆ้อน กรรไกร กระดาษ” เล่มนี้ ก็จะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสสัมผัสเรื่องราวความรักไร้กฏเกณฑ์(แต่ต้องตัดสินใจด้วยเป่ายิ้งฉุบ)อย่างเต็มอิ่มยิ่งขึ้น ก่อนจะปิดหนังสือลงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเปี่ยมสุขกันอีกครั้ง - คลิกอ่านรายละเอียด
...............
.........................................................................................
.....................................
............................
幸福來了
ผู้ชายเหมือนระเบิด
[ความสุขกำลังจะมา]
หวงเยวี่ยน : เขียน
อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี : แปล
'ปราย พันแสง : คำนิยมชมชื่น
...........
[ผลงานเล่มแรกของหวงเยวี่ยน
โดยฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์
-วางจำหน่ายแ้ล้ว]:.
vo.....................
“ผมไม่ใช่คนธรรมดา ผมเป็นลูกระเบิด” ระเบิดลูกนี้ชื่อตัวอักษร ผมใช้ถ้อยคำซื่อตรง บอกเล่าความจริงใจ เหมือนชนวนที่เชื่อมโยงกับวัตถุระเบิด ความรักที่ตราตรึง การผจญภัยที่สดสวย เรื่องราวชวนปลื้ม ปีติระคนเหลือเชื่อกักตุนอยู่เต็มสมอง อัดแน่นเจียนระเบิด รสชาติเข้มข้น ความกดดันไร้ขีดจำกัด จำต้องหาทางระบาย ผมจำเป็นต้องระเบิด กรุณาอย่าเป็นห่วง เมื่อผมแหลกเหลวปี้ป่น ผมจะไม่ทิ้งรอยบาดเจ็บใดๆ ไว้บนตัวคุณเลย ดินระเบิดในตัวผมเป็นจิตวิญญาณ สิ่งเดียวที่จะหวั่นไหวบ้างก็คือหัวใจคุณ นอกนั้นจะไม่มีอะไรแตกสลาย ...แล้วคุณจะลืมผมไม่ลง............ง คลิกอ่านต่อ
..........
คนอ่าน

ซูซาน บอยล์

สู้ สู้! ซูซานบอยล์
ป้าเฉิ่มโลกตะลึง
[ราคาปก 210 บาท]
........
ป้าเฉิ่มซูซาน บอยล์ วัย 48 ปี ผู้ ไม่เคยแต่งงานและไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อน ปรากฏกายบนเวที Britain’s Got Talent เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 กล้องจับภาพกรรมการและผู้ชมแสดงท่าทางเย้ยหยันออกนอกหน้า ก่อนที่ซูซานจะเริ่มร้องเพลง I Dreamed a Dream ซึ่งทำให้ทุกคนอึ้งตะลึงงัน
คลิปวิดีโอการแสดงในวันประกวดของเธอ ถูกโพสต์ลง“ยูทูบ” ทุบสถิติอัตราฮิตเรท หรือจำนวนผู้ชมทะลุ 100 ล้านครั้งในเวลาไม่กี่วัน
“ซูซาน บอยล์” เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทุกๆ คนที่มีความฝัน” อีแลง เพจ ซูเปอร์สตาร์ นักแสดงละครเวที นักร้องอังกฤษรุ่นลายครามกล่าวไว้อย่างนั้น แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ซูซาน บอยล์ จะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ปรากฏการณ์ซูซาน บอยล์ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ชีวิตที่พลิกผันจากดินเป็นดาวเพียงชั่วข้ามคืน อำนาจของ ‘ปากต่อปาก’ ในโลกยุคข้อมูลข่าวสารที่มีอินเตอร์เนตเป็นตัวนำ เรื่องราวชีวิตของเธอถูกสื่อมวลชนล้วงแคะทุกซอกมุม ข่าวคราวไซมอน คาวเวลล์เตรียมจับเธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในค่ายเพลงของเขา จนถึงข่าวการแปลงโฉมใหม่ของเธอที่ดูดีขึ้น แต่หลายคนต่อต้านเพราะอยากให้เธอขี้เหร่เหมือนเดิมมากว่า(ซะงั้น)
เรื่องราวชีวิตน่าทึ่งของป้าเฉิ่มซูซาน บอยล์ เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!

ไมเคิล เฟลป์ส

หนังสือที่ทุกครอบครัวควรอ่าน ในการพลิกชีวิต(ติดลบ)
สู่ความเป็นเลิศ ไมเคิล เฟลป์ส
เบื้องลับฮีโร่ แชมป์ 14
เหรียญทองโอลิมปิก เรื่องจริง
ที่โลกไม่เคยรู้
ในเกมชีวิต
สุดทึ่ง! กฤติยา รามโกมุท,
นพดล เวชสวัสดิ์ : แปล [ราคาปก 210 บาท]

จาก “เด็กพิเศษ” สมาธิสั้น ปัญหาเพียบ จากครอบครัวหย่าร้าง ไมเคิล เฟลป์ส พลิกชีวิตติดลบเป็นซูเปอร์เปอร์สตาร์ ฮีโร่นักว่ายน้ำขวัญใจชาวอเมริกัน ทุบสถิติ 8 เหรียญทองอันเหลือเชื่อ จากการแข่งขันโอลิมปิกปักกิ่งในปี 2008 อย่างหมดจดสง่างาม
..........
ใครจะคิดว่า “เด็กพิเศษ” จากครอบครัวหย่าร้าง ประสบปัญหาชีวิตอย่างรุนแรงจากโรคสมาธิสั้น แต่สามารถเรียนรู้ต่อสู้กับโรคร้าย ด้วยวิธีเลี้ยงดูเอาใจใส่สุดพิเศษจากคุณแม่จอมอดทนทรหด ผู้คิดค้นวิธีการเลี้ยงลูกที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร จนกระทั่งเฟลป์สเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับโรคร้ายประจำตัว ต่อสู้กับการล้อเลียนเสียดสีจากเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีวุฒิภาวะสูงกว่า
......................................
ไมเคิล เฟลป์ส์ : เบื้องลับฮีโร่ เปิดเผยทุกรายละเอียดในชีวิตแบบเจาะลึก บันทึกทุกสถิติการแข่งขัน ครบครันด้วยภาพถ่ายที่ไม่เคยเปิดเผยจำนวนมาก วิธีเลี้ยงดูเด็กพิเศษด้วยวิธีการสุดวิเศษ รวมทั้งบทวิเคราะห์เจาะลึกค้นหาคำตอบ ว่าทำไมคนที่มีชีวิตติดลบอย่างเฟลป์ส จึงพุ่งสู่ความรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้
...
นี่คือหนังสือที่ทุกครอบครัวควรจะได้อ่าน
รวมทั้งทุกคนที่อยากรู้เบื้องหลังตำนานมีลมหายใจ--- ไมเคิล เฟลป์ส

โดเรียน เงื้อฯ จดหมายรักยาขอบ จดหมายรัก สิในหมึก แมร์ด 3 เล่ม

The Picture
of Dorian Gray ภาพวาด
โดเรียน เกรย์ ออสการ์ ไวลด์ : เขียน
กิตติวรรณ ซิมตระการ
: แปล จิตราภรณ์ วนัสพงศ์: บรรณาธิการ
’ปราย พันแสง : คำนิยมชมชื่น .......................
งานศิลปะชิ้นเยี่ยม!ในรูปแบบนวนิยาย เฉียบคม แสบสันต์ ราวกับเป็นหนังสือรวมฮิตคำคมของออสการ์ ไวลด์ ผลงานนวนิยายเรื่องแรกและเรื่องเดียวในชีวิตของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของคำคมและบทละครสำคัญที่ผู้คนมักจะหยิบยกมาเอ่ยอ้างตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผู้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บทเพลงให้แก่คีตกวีมากมาย ผลงานของเขาได้รับการนำมาสร้างเป็นละครเวทีและภาพยนตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในปี 2009 จะมีผลงานจากบทประพันธ์ของออสการ์ ไวลด์ถึง 2 เรื่องที่จะเข้าโรงฉาย ได้แก่ ภาพวาดโดเรียน เกรย์ (The Picture of Dorian Gray) โดยมีชื่อภาพยนตร์ว่าโดเรียน เกรย์ (Dorian Gray) นำแสดงโดยมีคอลลิน เฟิร์ธ นักแสดงหนุ่มจาก “ไดอารีของบริดเจต โจนส์” ส่วนในปลายปี 2009 ก็จะมีเรื่อง A Woman of No Importance ออกฉาย โดยมี อแมนดา เซย์ฟรีด จาก Mamma Mia! รับบทนำ (ราคาปก 325 บาท) คลิกอ่านบทแรก,ประวัตินักเขียน-นักแปล และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับ ภาพวาดโดเรียน เกรย์ ทั้งหมด
...........................
..............................
.............................
.............................
.............................
จดหมายรักยาขอบ
เรื่องรักต้องห้ามแต่สุดโรแมนติกของ “ยาขอบ” นักประพันธ์ชั้นครู ที่เคยสร้างผลงานเขียนเขย่าสังคมไทยให้สะท้านสะเทือนประจำยุคสมัย ฝ่ายชายเป็นนักประพันธ์ใหญ่จอมเจ้าชู้ มีภรรยาอยู่แล้วถึง 4 คน แต่ยังสามารถเขียนจดหมายจีบผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มแตกเนื้อสาวและอยากเป็นนักเขียนอย่าง “พนิดา” สาวสวยประจำยุคสมัย “จดหมายรักยาขอบ” เป็นหนังสือหายาก เป็นเรื่องรักคลาสสิคที่ตราตรึงใจนักอ่านมายาวนาน สำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม ได้รับอนุญาตจากคุณประกายพฤกษ์ ศรุตานนท์ เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือยาขอบ ให้นำมาจัดพิมพ์ซ้ำอย่างถูกต้อง ในรูปเล่มใหม่ สวยงาม แต่ไม่ได้จัดจ้านจนเกินไปนัก ด้วยฝีมือศิลปินชื่อดัง “โลเล” ทวีศักดิ์ ศรีทองดี (ราคาปก 255 บาท) คลิกอ่านรายละเอียดหนังสือ,คำนิยมยาวจุใจจาก วัฒน์ วรรยางกูร,คำนิยม "เอื้อมไม่ได้แอ้มไม่ถึง"จาก 'ปราย พันแสง และอื่นๆ

...........................

..............................
.............................
.............................
.............................

จดหมายรัก สินในหมึก

พิมพ์ครั้งที่ 5 Love Letters
จดหมายรัก
’ปราย พันแสง
....... “เมื่อยังหนุ่มข้าพเจ้าคิดจะรัก แต่เมื่อย่างเข้าวัยชรา ข้าพเจ้ารักจะคิด” นั่นเป็นคำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนึ่งในสุดยอดนักเขียนจดหมายรัก นอกจากนี้ในหนังสือเล่มนี้ ยังมีเรื่องราวชีวิต ความรัก และจดหมายของคนดังและไม่ดังของโลก อาทิ จดหมายรักยาขอบ จดหมายรักไอน์สไตน์ จดหมายรักคาร์ล มาร์กซ์ ฯลฯ เคยฮิตสนั่นลั่นเมืองมาแล้วเมื่อตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ โศก ซึ้งเศร้า เข้าข้น หวาน มันส์ จนอ่านแล้วเหมือนจะละลาย รวมถึงจดหมายพิเศษในกล่องข้างใจ ที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน (ราคาปก 225 บาท)
...........................
..............................
.............................
.............................
.............................
สินในหมึก
ยาขอบ
...........
เมื่อความรักสอนให้เขียนหนังสือ เคล็ดวิชาการประพันธ์อันเลื่องลือก็หลั่งไหล นี่คือสุดยอดหนังสืออมตะ ยิ่งผ่านกาลเวลา ยิ่งขลังเข้ม และไม่เคยล้าสมัย “สินในหมึก”เป็นหนังสือรวมยุทธวิธีเขียนหนังสือให้ได้อย่างใจ เขียนให้คนติด เขียนให้ขายดี มีคนชื่นชอบโดยทั่วไป ยาขอบไม่เน้นเรื่องพรสวรรค์ คนเราสามารถฝึกปรือให้เก่งขึ้นมาได้ ถ้ามี “ความปลอดโปร่งแห่งอารมณ์” ฯลฯ หนังสือเล่มนี้คัดคำแนะนำเฉพาะหัวกะทิ เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มาจากภายใน มาจากความเป็นมนุษย์ เป็นจริง พิสูจน์ได้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกเขียนหนังสือทุกรูปแบบ ไม่ว่าเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น บทความ สารคดี เขียนไดอารี่ออนไลน์หรือแม้แต่เขียนบล็อก! (ราคาปก 225 บาท) คลิกอ่านตัวอย่างบางตอน, คำนิยมจาก วัฒน์ วรรลยางกูร : นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ปี 2550 และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับหนังสือ"สินในหมึก"ทั้งหมด

ชุดแมร์ด 3 เล่ม

A Year in the Merde
อะ เยียร์ อิน เดอะ แมร์ด
ผ้าขี้ริ้วห่อชา
มนันยา: แปลไปหัวเราะไป

ปฐมบทแห่งนวนิยายแสบสันต์และฮากระจาย ด้วยอารมณ์ขันสุภาพแต่ซาดิสต์แบบหนุ่มอังกฤษหัวใจอินดี้ ว่าด้วยเรื่องราวของพอล เวสต์ หนุ่มลอนดอนที่เดินทางมาปารีสเพื่อบุกเบิกธุรกิจร้านน้ำชาอังกฤษในฝรั่งเศส ด้วยความสับสนทางวัฒนธรรม พอลต้องหารับมือกับ“ฝรั่งเศส”ทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็นวิธีเอาตัวรอดจากการประชุมร่วมกับคนฝรั่งเศส วิธีหาบ้านพักแบบฝรั่งเศส สาวฝรั่งเศส จูบแบบฝรั่งเศส รวมถึงวิธีการสะกดภาษาอังกฤษแบบฝรั่งเซส ฝรั่งเศส ฯลฯ.A Year in the Merde ติดอันดับอินเตอร์เบสต์เซลเลอร์ เป็นหนังสือภาคบังคับที่ต้องมีทุกร้านหนังสือในปารีส (ราคาปก 295 บาท) คลิกอ่านตัวอย่างตอนแรก,ประวัตินักเขียน-นักแปล และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับหนังสือชุดแมร์ดซีรี่ส์ทั้งหมด

...........................

.............................. ............................. ............................. .............................

Merde Actually

แมร์ดแอคชวลลี่

ทุกหัวใจมีแมร์ด

วลัยภรณ์ นาคพันธุ์ :แปล

มนันยา : คำนิยม

หลังจากที่พอลได้เปิดร้านน้ำชาอังกฤษในฝรั่งเศสสมดังความตั้งใจ แต่พอลก็ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับฝรั่งเศสที่ต้องการคำตอบ เช่นว่า อะไรที่จะทำให้ตำรวจในฝรั่งเศสกลัวที่สุด? ทำไมจึงไม่มีการเตือนบนชายหาดเปลือยกาย, การนอนกับเมียของเจ้านายผิดหรือเปล่า? และที่สำคัญพอลยังคงตามหาสาวฝรั่งเศสที่สมบูรณ์แบบ แต่พอลจะเจอรักแท้ไหม หรือจะจบลงบนกองแมร์ด? การผจญภัยครั้งใหม่ของพอลที่ยังคงสร้างปัญหาระหว่างประเทศแบบสุดฮาอีกเช่นเคย (ราคาปก 325 บาท) คลิกอ่านตัวอย่างตอนแรก,ประวัตินักเขียน-นักแปล และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับหนังสือชุดแมร์ดซีรี่ส์ทั้งหมด

...........................

.......................

...............

.................................................

........................... .............................. ............................. ............................. .............................
Talk to the Snail. ทอล์ค ทู เดอะ สเนล
:กฎแห่งแมร์ด
อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง : แปล
..............................
ทำอย่างไรถึงจะได้รับการบริการดีๆ ในภัตตาคารฝรั่งเศส, เรียนรู้การวางตัวแบบสุภาพและหยาบคายสุดๆ ในเวลาเดียวกัน ค้นพบภาษารัก เซ็กส์ และการสูบบุหรี่ (ไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับ), วลีที่สำคัญและขำขันฝรั่งเศ๊ส ฝรั่งเศสที่นำมาใช้ได้ในทุกสถานการณ์ พร้อมตัวอย่างไหวพริบเล็กๆน้อยๆที่ใช้ได้ในชีวิตจริง ฯลฯ ทั้งหมดรวมอยู่แล้วในหนังสือเล่มนี้ เหมาะกับคนที่สนใจฝรั่งเศส อยากไปฝรั่งเศส หรือคนที่กลัวทุกอย่างเกี่ยวกับฝรั่งเศส ก็ห้ามพลาดเล่มนี้อย่างเด็ดขาด! (ราคาปก 325 บาท) คลิกอ่านตัวอย่างตอนแรก,ประวัตินักเขียน-นักแปล และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับหนังสือชุดแมร์ดซีรี่ส์ทั้งหมด

ร้านชำ ความลับ

SUICIDE SHOP
ร้านชำสำหรับคนอยากตาย
ฌอง เติลเล่ : เขียน
องอาจ กันใจศักดิ์ : แปล
..... ถ้าคุณชอบครอบครัว Addams Family ถ้าคุณมีทิม เบอร์ตันอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ หนังสือเล่มนี้อาจจะทำให้คุณพบรักใหม่อีกครั้ง ซุยไซด์ช็อป (Suicide Shop) หรือ “ร้านชำสำหรับคนอยากตาย” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในกิจการร้านค้าเล็กๆ อยู่ในเมืองหนึ่ง ดินแดนซึ่งศาสนาได้เลือนหายไปจากความนึกคิดของผู้คน การฆ่าตัวตายจึงไม่เป็นบาป ไม่ขัดต่อศีลธรรม ณ ที่แห่งนี้กิจการของตระกูลตูวาชกำลังดำเนินไปได้สวย ใครอยากตายได้เลือกตายสมใจ สินค้าในร้านชำแห่งนี้ มีทั้งเชือกแขวนคอ ชุดประกอบพิธีฮาราคีรี ยาพิษหรือแม้แต่ "จูบมรณะ" (ราคาปก 198 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด
...................
..........
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
........
.........................
ลับในความรัก จิระนันท์ พิตรปรีชา : แปล
พิมพ์ครั้งที่ 3
.... การรักใครสักคนนั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ? “คู่สร้างคู่สม” มีจริงหรือไม่ ? ทำไมความหลง จึงไม่ใช่ความรัก ? อะไรคือรัก อย่างไรคือหลง? ทำไมการรักคนเลวจึงเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ? หนังสือเล่มนี้จะช่วยค้นหาความหมายของรักในระดับที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หนังสือเล่มนี้คือของขวัญวาเลนไทน์สำหรับสมอง ..รอถึงวันแห่งความรัก อาจจะสายเกินไป (ราคาปก 198 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด

ริต้า ยูบิควิท Child 44 ต้นส้ม

SAINTE RITA เซนต์รีตา ผู้หญิงสีฟ้าครึ้มฝน แคลร์ วัลเนียวิคส์ : เขียน วลัยภรณ์ นาคพันธุ์ : แปลถึงเนื้อถึงกระดูก เซนต์รีตา ผู้หญิงสีฟ้าครึ้มฝน (Sainte Rita, patronne des causes désespérées) เป็นรวมเรื่องสั้นหกเรื่องหกรส ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในภาษาฝรั่งเศส ผลงานรวมเรื่องสั้นเล่มแรกในชีวิตของ แคลร์ วัลเนียวิคซ์ (Claire Wolniewicz) นักเขียนหญิงสาวสวยเชื้อสายโปแลนด์ กำลังมาแรงเป็นที่จับในแวดวงการวรรณกรรมฝรั่งเศสขณะนี้(ราคาปก 155 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด .................................................
..
...................................................................
.........................................................
........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
UBIQUITE
ผู้ชายครึ่งฝัน
แคลร์ วัลเนียวิคส์ : เขียน
พัชรินทร์ เสี่ยงเทียน : แปล.....
เรื่องราวประหลาดล้ำที่เกิดขึ้นในชีวิตแสนเงียบเหงาของ อดัม โวลลาดิเยร์ พนักงานออฟฟิศหนุ่มผู้เงียบขรึม ที่ไม่เคยตั้งคำถามว่าตัวเองต้องการหรือชอบทำสิ่งใดในชีวิต ทว่ายังสามารถก้าวหน้าในอาชีพจนได้เป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชี ตั้งแต่เล็กจนโตอดัมคุ้นเคยกับกรอบเกณฑ์ของครอบครัว เคยชินกับการอยู่ในโอวาท ไม่เคยมีปากเสียงหรือความคิดเห็น จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีคนเข้ามาทักผิดบ่อยๆ ว่าอดัมเป็นคนนั้นคนนี้แทบไม่ซ้ำหน้า เมื่อเขาเริ่มหาวิธีรับมือกับการทักผิด เช่นลองรับสมอ้างไปเรื่อยๆ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพและอุปนิสัย จากที่เป็นคนเฉิ่มๆ อดัมกลายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์และเริ่มติดใจรูปแบบชีวิตคนอื่นที่เขาสมอ้างสวมรอยเข้าอย่างจัง (ราคาปก 155 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด

.........................................................
........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................

..........................................................................................................................................

..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................

.........................................................................

CHILD 44 - รหัสฆาฏ ทอม ร็อบ สมิธ : เขียน สุวัฒน์ หลีเหม : แปล

ตรวจสอบทุกคนที่ไว้ใจ ไม่มีอะไรให้กิน ไม่เหลืออะไรให้รัก ลุ้นระทึกสุดขั้วหัวใจ กับ Child 44 - รหัสฆาฏ สุดยอดนวนิยายทริลเลอร์เรื่องล่าสุดของโลกที่นักอ่านต่างรอคอยและเป็นที่กล่าวขวัญ นวนิยายซึ่งก่อให้เกิดสงครามการประมูลราคาในงาน London Book Fair เมื่อปี 2007 ที่ ยิ่งโด่งดังมากขึ้นเมื่อริดลีย์ สก็อต ผู้กำกับมือรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง “Gladiator” และอีกหลายเรื่องในระดับบล็อกบัสเตอร์ (Alien, Blade Runner, Black Hawk Down) ซื้อลิขสิทธิ์เพื่อไปทำเป็นภาพยนตร์และตั้งใจจะกำกับด้วยตนเอง Child 44 ขายลิขสิทธิ์ไปแล้วกว่า 27 ประเทศ (ราคาปก 395 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด

..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
........................................................................
..........................................................
..................................................
...........................................................................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
坊っちゃん夏目 漱石
ต้นส้ม น้ำตา พายุ
นัทสึเมะ โซเซกิ
กันฐพงศ์ เจียวก๊ก : แปล .... ห้ามอ่านในที่สาธารณะเพราะคุณอาจจะต้องหัวเราะทั้งน้ำตา"นี่คือการผจญภัย ของคุณหนูจอมซ่าส์ คุณย่าโพสิทีฟ สารพัดวีรกรรม เฉิ่มเบ๊อะแต่โคตรจริงใจ ของเอกบุรุษสุดเพี้ยน ผู้ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร แล้วคุณจะรักนิยายเรื่องนี้ ...เหมือนฉัน" 'ปราย พันแสง (คำนิยมชมชื่น) จากปกหลัง : นวนิยายญี่ปุ่นชั้นเลิศที่ได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก ผลงานมาสเตอร์พีซของนัทสิเมะ โซเซกิ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยเรื่องราวใสซื่อ โหด มันส์ ฮากระจาย การผจญภัยในโลกมนุษย์บิดๆ เบี้ยวๆ ของคุณหนูขี้วีน จอมเพี้ยน ลูกผู้ดีเก่า ตกกระป๋องและตกกระไดพลอยโจนไปอยู่ในโรงเรียนบ้านนอกคอกนา จึงต้องลุยดะถ้วนหน้า ตั้งแต่อาจารย์ใหญ่ คณะครู นักเรียน ยันนักการภารโรงล้วนแสบซ่าส์ โดยมีคุณย่าโพสิทีฟเป็นแบคอัพ(ราคา 198 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด
..........

ปราย พันแสง พ็อคเก็ตบุ๊ค

คาเฟ่เสน่หา 'ปราย พันแสง
ชีวิตก็เหมือนคาเฟ่ริมทางบางครั้งเนืองแน่น บางครั้งอ้างว้างมีคนผ่านมา มีคนผ่านไปใครจดจำ ใครลืมเลือน ย่อมมิใช่เรื่องใหญ่หากช่วงเวลาที่พบกัน ได้เปิดดวงตา เผยดวงใจหมดจดหมดใจ ...แล้วจากกัน.....คาเฟ่เสน่หา(passion cafe')รวมบทความแห่งเสน่หาที่โลดแล่นในวังวนชีวิต มิใช่ความรักอย่างเดียวที่ทำให้คนเราตาบอด แต่ยังมีความปรารถนาลึกลับซ่อนอยู่ลึกเร้นข้างในใจ ดูเหมือนไร้จุดเริ่มต้น ไร้จุดสิ้นสุด แต่กลับฉุดกระชากลากถูความเป็นมนุษย์ของเราจนแทบมิอาจต้านทาน(ราคาปก 198 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด
....................................................................................
..........................................................
..........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
..........................................................................................................
..................................................................
...................................................................
.............................................................
.................. Highway Blues
สูงต่ำล้วนผ่านตา
'ปราย พันแสง หลังจาก “คาเฟ่เสน่หา” หนังสือรวมบทความชุดแรกของปี 2551 ได้รับการต้อนรับจากนักอ่านเป็นอย่างดี สำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม จึงส่งผลงานชุดใหม่ “สูงต่ำล้วนผ่านตา” รวมบทความชุดที่ 2 ของ ’ปราย พันแสง วางแผงตามมาอย่างต่อเนื่อง "สูงต่ำล้วนผ่านตา" รวมบทความว่าด้วยเรื่องราวสิ่งละเล็กๆ พันละน้อยๆ เกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ของชีวิต ซึ่งเคยตีพิมพ์ตามที่ต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการป่ายปีน การขึ้น การลง ในการเดินทางของชีวิตของคนเราที่มีความหมายกว้างไกล (ราคาปก 198 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด

.................................................................................

..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................

.................................................................

...........

study book ฮารูกิ มูราคามิ ’ปราย พันแสง เขียนอย่างไรให้ขายดีติดเบสท์เซลเลอร์ทั่วโลก ชำแหละคมความคิดและสไตล์การเขียนของ ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนญี่ปุ่นนอกคอก ที่มีผลงานเขียนและงานแปลมากถึง 40 ภาษา กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย แถมติดอันดับขายดีหลายล้านเล่มทั่วโลก ว่ากันว่านี่คือนักเขียนรางวัลโนเบลคนต่อไป (ราคาปก 175บาท) คลิกอ่านรายละเอียด
...........................
.........................................................................
..........................................................
.........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
...........................................................................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
............
เรื่องรักใคร่ 'ปราย พันแสง พิมพ์ครั้งที่ 3 .... รวมเรื่องจุ๊กจิ๊กว่าด้วยความรัก หวาน ขม อมหวาน อมเปรี้ยวครบรส ในรูปแบบเรียงความ ภาพยนตร์ ดนตรี เรื่องสั้น บทกวี บทแปล เอสกิโม และอื่นๆ อีกมากมาย “คุณไม่จำเป็นต้องกินคนที่คุณรักนะ จอร์จินา คุณเคยคิดมั้ยว่าการกินเข้าเขาไป มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของคุณ คุณจะคิดว่า เมื่อคุณกินเขาแล้ว คุณกับเขาจะได้อยู่ร่วมกัน ตลอดไปไม่ได้นะ” จินตนาการ,อาหาร,เซ็กซ์ และวิธีปรุงเนื้อคนรัก “ความรักมากมายนั้นมันไม่จีรังยั่งยืนอะไร มันท่วมท้นล้นใจ แล้วจางหายไปได้อย่างมหัศจรรย์ ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยฉะนั้น” แล้วเราจะรู้เอง (ราคาปก 175 บาท) คลิกอ่านรายละเอียด
........................
.........................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
..........................................................................................
..........................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
...........................................................................................................
.........................................................
..........
คนรัก เคยรัก ยังรัก (ดาว)
รวมเรื่องสั้นและบทกวี เคยเป็นหนังสือทำมือชื่อ "ดาว" มาหลายปี ตอนนี้พิมพ์จริงแล้ว เนื้อหาในเล่มว่าด้วยเทหวัตถุโรแมนติกบนท้องฟ้า อันเป็นที่มาของแรงบันดาลใจ ความสุข ความรัก ความเศร้า และเรื่องราวในชีวิตอีกมากหลาย ทุกเรื่องราวในเล่มล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากดวงดาว เนื่องเพราะดาวบางดวง คำบางคำในชีวิตมีความหมาย บางคำหากหลุดจากปากไป อาจทำให้ดาวทุกดวงบนท้องฟ้าหายวับ
จากปกหลัง "กรุงเทพฯ ยังมีดาวนะ ไม่ว่าดาวประจำเมือง หรือดาวประจำวัน แม้แต่ดาวที่เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ เรายังเห็นกันได้ในเขตเมืองหลวงนี้ ...ตรงไหนก็มีดาว ถ้าเรามีตาสำหรับมองมัน" "สำหรับบางคน โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ไปอย่างว่างเปล่า ชีวิตเป็นอย่างนี้ ความหมายของมันไม่เคยแน่นอน บางครั้งดูเหมือนเราจะเข้าใจในความเป็นไป แต่บางทีก็ไม่ ความร้ายกาจของมันคือ บางทีคิดว่าเข้าใจ แต่ความจริงอาจจะไม่" "แล้วคุณเชื่อไหม เรื่องที่เขาเล่ากัน ว่าคนสองคนจะรักกันไปจนตาย แล้วคุณรู้ไหม หากจะมีใครรักใครไปจนตายจริงๆ มันจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น ...ที่รักไปจนตาย" (ราคาปก 125 บาท)

สวนสวรรค์ที่สาปสูญ

Paradise Lost
สวนสวรรค์ที่สาบสูญ : Jimmy Liao
ชุตินันท์ เอกอุกฤษฎ์กุล :
แปลจากภาษาจีน
'ปราย พันแสง : บรรณาธิการ
.......................................... หนังสือชุดใหม่ของ "จิมมี่ เลี่ยว"ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในปี 2549 จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์นานมี หนังสือชุดนี้ มีด้วยกันทั้งหมดห้าเล่ม มีตัวละครชุดเดียวกัน แต่ละเล่ม สามารถจบได้ในตอน เรื่องราวทั้งหมดในหนังสือชุดนี้น่ารักและมีเสน่ห์ แบบเศร้าๆ เจ็บๆ แปลกๆ ดี Paradise lost เป็นเรื่องราวมิตรภาพความผูกพัน ของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง มารวมตัวกันอยู่ในดินแดนหนึ่ง ที่พวกเขาทุกคนล้วนเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่ละชีวิต จะมีปมด้อย มีบาดแผล มีความพิการ มีความบกพร่อง ซึ่งโลกภายนอกอาจจะปฏิเสธพวกเขา แต่ในดินแดนแห่งนี้ ทุกชีวิตมีอิสระเสรี และมีผู้ที่เข้าใจกันและกัน
..................................................................
...................................................................
.........................................................
ตัวอย่างตัวละครบางตัว ในเรื่องราวชุดนี้ก็ได้แก่
.........................................................................
..........................................................
..................................................
...
หมีกากบาท หมีกากบาทถูกทำร้ายตั้งแต่เล็ก จึงมีรอยแผลอยู่เต็มตัว หากคุณถามเขาว่าเจ็บตรงไหนที่สุด เขาจะชี้ตรงหัวใจ แม้จะได้รับความทุกข์สาหัส แต่เขาก็เชื่อว่ายังมีแสงสว่าง
..................................................................
...................................................................
.........................................................
ผ้าพันแผล เป็นเด็กชายที่พันผ้าพันแผลทั้งตัว เขามักฝันว่าตัวเองบินได้ และมีผีเสื้อตัวน้อยอยู่เป็นเพื่อนเสมอ
..................................................................
...................................................................
.........................................................
หนูดำ เจ้าของทรมานหนูดำด้วยวิธีต่างๆ นานา แต่หนูดำก็ยังคงมีจิตใจงดงาม ในบางครั้งเจ้าของอุ้มเขาด้วยความทะนุถนอมอยู่บ้าง แต่หนูดำก็อดที่จะหวั่นกลัวไม่ได้
..................................................................
...................................................................
.........................................................
โทนี่หน้าบาก โทนี่เป็นเด็กชายขี้อายเป็นที่สุด เขาเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจ มักจะยืนนิ่งอยู่ข้างหิ้งหนังสือในห้องสมุด เขามีแต่เงาตัวเองในกระจกเป็นเพื่อน
..................................................................
...................................................................
.........................................................
ไข่พะโล้ ไม่ว่าจะทำอะไร ไข่พะโล้จะต้องอธิษฐานต่อพระเจ้าก่อนเสมอ ก่อนข้ามถนน หรือกระทั่งในสวนที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง เขาก็ยังอธิษฐาน
..................................................................
...................................................................
.........................................................
จอห์นจมูกแดง เขามักรู้สึกว่าโลกของเขาว่างเปล่า ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงความฝัน เขาไม่สามารถอธิบายอะไรให้ใครฟังได้ แต่อย่างน้อย เขาก็รู้สึกสบายใจในโลกอันว่างเปล่าของตัวเอง
..................................................................
...................................................................
.........................................................
จูลี่ เป็นคนที่ขยันโยนขวดบรรจุข้อความที่ชายหาด ให้ลอยไปตามคลื่นอยู่เสมอ เธอวาดฝันว่าจะพบรักจากการทำเช่นนี้ แต่ขวดเหล่านั้นมักถูกคลื่นซัดกลับ
..................................................................
...................................................................
.........................................................
ลูกโป่ง มักลอยไปลอยมาอยู่คนเดียว วันหนึ่งศีรษะของเขาแตกเป็นรู เจ้าหนูลูกโป่งจึงตกลงมาจากฟ้า แต่ไม่นานก็ถูกจับมัดกลับไปแขวนไว้กับต้นไม้
..................................................................
...................................................................
.........................................................
เหิรหาว เหิรหาวเชอบแกล้งผู้อื่น วันวันเอาแต่หาเรื่องทะเลาะ คนอื่นบอกว่าสีดำ เธอจะบอกว่าขาว เธอเกลียดโลกแห่งความเป็นจริง ชื่นชอบโลกที่โกลาหลวุ่นวาย
..................................................................
...................................................................
.........................................................
โทรโข่ง เอาแต่ป่าวประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง เที่ยวกระจายข่าวสารไปทั่ว เขาสวมหมวกกันน็อคจึงไม่ได้ยินเลยว่าเสียงไม่ได้ออกจากโทรโข่ง
..................................................................
...................................................................
.........................................................
แมรี่และแมวของเธอ แมรี่เลี้ยงแมวตาโตตัวหนึ่ง แต่ละวันแมวของเธอจะมีมุมมองที่แตกต่างกันไป บางทีรู้สึกหน่าย บางทีรู้สึกเบื่อ บางทีรู้สึกว่าโลกมันน่าขัน
......................................................................
...................................................................
.........................................................
บอลลูน เป็นเด็กฉลาดไอคิวสูง ฉลาดมากเสียจนไม่อยากจะเรียนรู้อะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างชื่นชมความฉลาดของเธอ แต่เธอกลับเบื่อที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยคนโง่ ฯลฯ
...................................................................
.........................................................................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
............... Enter Loneliness
Paradise Lost 1 :
เดียวดายในความอ้างว้าง ช้างสีชมพูกับแอ๊ปเปิ้ลสีทอง เป็นตัวละครเปิดเรื่องเข้าสู่สถานที่มหัศจรรย์ ช้างสีชมพูเป็นเพื่อนกับเด็กแว่น ทั้งสองตาบอด มองไม่เห็น แต่ชอบไปยืนรอพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมหน้าต่าง ชอบนั่งบนโขดหินริมทะเล เพื่อเฝ้ามองพระจันทร์ ทอแสงสว่างไสวขึ้นมาจากผิวน้ำ ทั้งยังชอบทอดกายนอนหงายบนสนามหญ้าโรงเรียน เพื่อรอคอยดวงดาวเปล่งประกายเต็มฟ้า เด็กแว่นเป็นเจ้าของแว่นตาสายรุ้งแสนสวย เสียดายที่เธอมองไม่เห็น ช้างสีชมพูก็มีแว่นสายรุ้งเช่นกัน เสียดายที่มันก็มองไม่เห็น ทั้งสองมิอาจแลเห็นแว่นตาแสนสวยของกันและกัน แต่ตระหนักดีว่า จิตใจของทั้งสองนั้น ต่างงดงามประหนึ่งสายรุ้ง
..................................................
..................................................................
...................................................................
................................................................................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
Snow Falling in Childhood Paradise Lost 2 :
ความปวดร้าวอันงดงาม ปกเล่มนี้ เป็น เจ้าหมีกากบาท ที่กำลังดุ่มเดินเดียวดายอยู่ในป่า หมีกากบาทโดนทำร้ายมาแต่เล็ก ร่างกายยับเยินด้วยบาดแผล หากคุณถามเขาว่าเจ็บปวดตรงไหนที่สุด เขาจะแตะตรงหัวใจ มีใครบ้างไหมที่ไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน เขายืนยันมั่นใจ เจ็บปวดที่สุด ณ จุดใด ต้องทำแผลให้สวยที่สุดตรงจุดนั้น ทุกครั้งที่โดนทำร้าย หมีกากบาทมักซ่อนตัวในสถานที่งดงามที่สุด จินตนาการถึงช่วงเวลาแสนสุข หลังจากหลั่งน้ำตาไม่กี่หยด เขาจะแตะตรงหัวใจแล้วหยุดร้องไห้
.........................................................................
..........................................................
..................................................
.........
..................................................................
...................................................................
..........................................................................................................................
...................................................................
.........................................................
A Mysterious Flower Blooms
Paradise Lost 3:
ดอกไม้แห่งความลับผลิบานแล้ว เป็นดอกไม้แห่งจินตนาการของคนเขียนที่มีครีเอทีฟไอเดียสุดยอด ภาพปกเล่มนี้ ผู้เขียนเลือกตัวละคร“แอนนี่” เป็นตัวเอก ปกสวยจริงๆโดยเฉพาะลวดลายบนต้นไม้ใบไม้ใช้สีเงินสีทองสะท้อนแสงบนพื้นปกสีดำ ลึกลับแบบสไตล์กอธิคนิดๆ วิจิตรตระการตาแบบภารตะหน่อยๆ แปลกตากว่าทุกเล่ม “แอนนี่” เป็นเด็กฉลาดแก่แดดที่สุดในเรื่องราวชุดนี้ แอนนี่รู้จักโลกของผู้ใหญ่เร็วเกินไป เกิดแก่เจ็บตาย เธอเข้าใจทั้งหมด โลกแห่งความจริงของแอนนี่ หมายถึงช่วงเวลาที่เธอได้แสดงละครเท่านั้น
.........................................................................
....................................
..................................................................
...................................................................
..............................................................................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................

The Magic Is Gone Paradise Lost 4 อัศจรรย์พลันสลาย เรื่องเริ่มต้นเมื่อเวทย์มนต์เสื่อมสลายไปหมดสิ้น โลกเราไม่มีแล้วความมหัศจรรย์ ไม่มีเรื่องเหลือเชื่ออะไรแล้วทั้งนั้น ตอนแรกยังคิดอยู่เลยว่าทำไมคุณเลี่ยวไม่เอาตอนนี้ไว้เป็นเล่มสุดท้ายของหนังสือชุดนี้... เพราะมันน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่พอไปเห็นเล่มสุดท้ายจริงๆ จึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ คือคุณเลี่ยวเขาคงไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายเหมือนเราไง เขาเลยวางเรื่องนี้ไว้กลางๆ :) ภาพปกเล่มนี้เธอชื่อ “ราตรี” คู่กรณีของ“ทิวา”เรื่องราวของกลางคืนและกลางวันที่ต่างกันอย่างเหลือเกิน โลกของราตรีเต็มไปด้วยสีสัน โลกของทิวากลับมีเพียงขาวดำ

..................................................
..................................................................
...................................................................
...................................................................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
The Lost Miracle
Paradise Lost 5 :
เมื่อปาฏิหาริย์เลือนหาย เด็กน้อยกับสวิงตาข่ายบนปกหนังสือคนนี้ชื่อ “ออทัม” เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ ที่พยายามตามจับความฝันของเธอเอง ออทัมเติบโตมากับคุณปู่ พออายุได้หกขวบ คุณปู่มอบสวิงจับผีเสื้อที่คุณปู่ทำเองให้เธอเป็นของขวัญ วันต่อมาคุณปู่เสียชีวิตกะทันหัน คืนนั้นออทัมฝันเห็นคุณปู่ของเธอส่งยิ้มให้ พลางพูดว่า “จับชีวิตที่สวยงามไว้ให้ดี!”เธอตื่นขึ้นมาทั้งน้ำตา กอดของขวัญจากคุณปู่ไว้แน่น แล้วสาบานว่า เธอจะใช้เวลาทั้งชีวิตไล่จับความสวยงามที่ไม่จีรังเอาไว้ให้ได้
..................................................
..................................................................
...................................................................
...........................................................................................................
..................................................
..................................................................
...................................................................
.........................................................
The Blue Stone :
Jimmy Liao ชุตินันท์ เอกอุกฤษฏ์กุล : แปลจากภาษาจีน 'ปราย พันแสง : บรรณาธิการ เป็นหนังสืออีกเล่มของ จิมมี่ เลี่ยว ที่ออกวางจำหน่ายพร้อมกับหนังสือชุด Paradise Lost "โลกเหงาของหินสีฟ้า" เป็นเรื่องราวของหินสีฟ้าก้อนหนึ่ง ที่แตกออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งถูกทิ้งไว้ในป่าลึก อีกซีกหนึ่งถูกพาเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ แล้วก็ถูกแปรรูป ถูกทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้มันเหงาแล้วก็คิดถึงอีกครึ่งที่เหลืออยู่ตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็คือ The Missing Piece ของ เชล ซิลเวอร์สไตน์ที่เอามาเขียนใหม่แบบคนตะวันออกดีๆ นี่เอง อาจจะเป็นเพราะจิตวิญญาณแบบเอเชีย ที่เรียกร้องสิ่งต่างๆ จากชีวิตน้อยกว่าคนตะวันตกกระมัง อ่านแล้วจึงรู้สึกว่ามันเป็นความไม่สมบูรณ์แบบที่เจียมเนื้อเจียมตัวดี ถ้าแอบรักใครชอบใคร หนังสือเล่มนี้เหมาะมากที่จะเป็นหนังสือบอกความในใจว่าเรารัก โดยมีหมายเหตุที่มองไม่เห็นว่า รักและคิดถึงนะ แต่ไม่ได้เรียกร้องต้องการอะไรจากเธอเลยนะ เป็นหนังสือที่น่ารักมากๆ
..................................................................
...................................................................
.........................................................
Paradise Lost
สวนสวรรค์ที่สาบสูญ
: Jimmy Liao
.........................................................
The Blue Stone
โลกเหงาของหินสีฟ้า
: Jimmy Liao
..................................................................
...................................................................
.........................................................
ชุตินันท์ เอกอุกฤษฎ์กุล
: แปลจากภาษาจีน 'ปราย พันแสง : บรรณาธิการ
..................................................................
...................................................................
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมี
สามารถสั่งซื้อได้ที่สำนักพิมพ์ฟรีฟอร์มได้เลยครับ
โทร.0-2664-4256-7,08-5664-9612
เป็นบริการพิเศษ
สำหรับแฟนหนังสือ'ปราย พันแสง ครับ-ค่าส่งฟรี

28

28

27

27

26

26

25

25

24

24

23

23

22

22

21

21

20

20

19

19

18

18

17

18

16

16

15

15

14

14

13

13

12

12

11

11

X8

8

X7

7

X6

6

X5

5

X4

4

X3

3

X2

1

ติดต่อสังซื้อ

● ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ คุณเจี๊ยบ โทร. 08-5664-9612 ● พ็อคเก็ตบุ๊คสำนักพิมพ์ฟรีฟอร์ม วางจำหน่ายที่ร้านนายอินทร์,ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์,ร้านดอกหญ้า สยามแสควร์ ซอย3, ร้านคิโนะคุนิยะ,ร้าน Sauce Art Literature เอกมัย (Vanilla House), ร้านแพร่พิทยา, ร้านบุ๊คคลับ,ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หาไม่เจอกรุณาสอบถามพนักงาน ● ติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ สำนักงานฟรีฟอร์ม บริษัท ลมดี จำกัดเลขที่ 22/5 สุขุมวิท 23 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0-2664-4256-7 โทรสาร 0-2664-4259 (เวลาทำการ 09.00 - 17.00 น. หยุดเสาร์-อาทิตย์) และ 08-5664-9612อีเมล:freeformthailand@hotmail.com: ... * คลิกกลับหน้าแรก *คลิกกลับนิตยสารฟรีฟอร์ม *คลิกกลับฟรีฟอร์มพรินติ้งเซอร์วิส *คลิกกลับบล็อก'ปราย พันแสง