จดหมายรัก ปราย พันแสง พิมพ์ครั้งที่ 5
พิมพ์ครั้งที่ 5
Love Letters
จดหมายรัก ’ปราย พันแสง
“เมื่อยังหนุ่มข้าพเจ้าคิดจะรัก แต่เมื่อย่างเข้าวัยชรา ข้าพเจ้ารักจะคิด” นั่นเป็นคำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนึ่งในสุดยอดนักเขียนจดหมายรัก นอกจากนี้ในหนังสือเล่มนี้ ยังมีเรื่องราวชีวิต ความรัก และจดหมายของคนดังและไม่ดังของโลก อาทิ จดหมายรักยาขอบ จดหมายรักไอน์สไตน์ จดหมายรักคาร์ล มาร์กซ์ ฯลฯ เคยฮิตสนั่นลั่นเมืองมาแล้วเมื่อตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ โศก ซึ้งเศร้า เข้าข้น หวาน มันส์ จนอ่านแล้วเหมือนจะละลาย รวมถึงจดหมายพิเศษในกล่องข้างใจ ที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน (ราคาปก 225 บาท)
“ผมต่อสู้เพื่อชนชั้นกรรมาชน แต่ความรักของผม มิใช่ความรักของชนชั้นกรรมมาชีพแต่อย่างใด หากแต่เป็นความรักสูงสุด เท่าที่มนุษย์เกิดมาผู้หนึ่งจะพึงรักได้” จดหมายรักมาร์กซิสต์
“ได้รักเธอ…ประภาคารก็ดูสวยดี คนที่ฉันกอดได้ ทำให้รู้ว่าโลกนี้สดชื่นสว่างไสว อย่าสนใจเลยนะคนดี ว่ารักเธอแล้วฉันจะกอดใคร แค่เชื่อว่าฉันรักเธอตลอดไป เพียงพอแล้ว” จดหมายจาก “เรือ” ถึง “ประภาคาร”
“ผมรู้สึกว่า ผมอยู่คนเดียวบนโลกมาตลอด แล้วคุณก็ปรากฏตัวขึ่น” จดหมายรักกริฟฟิน & ซาบีน
การพิมพ์จดหมายต่อสาธารณชน
ถือว่าเป็นการโป๊เปลือยอย่างที่สุด
นอกจากนี้เนื้อหนังมังสาของเขาเองแล้ว
จะไม่มีสิ่งใดปกปิดเขาจากสายตาโลกได้อีกต่อไป
นักเขียน แสดงตัวตนได้หลายแบบ
ตามกลวิธีเขียนที่มีต่างๆ กันมากมาย
แต่นักเขียนจดหมายจะมีตัวตนได้แบบเดียว
คือแบบที่เขาเป็นในจดหมาย...ตลอดไป
อี.บี.ไวท์.
จากใจสำนักพิมพ์
ในการจัดพิมพ์ครั้งแรก
The Love Letters - จดหมายรักเล่มนี้ 'ปราย พันแสง ใช้เวลานานทีเดียวในการรวบรวม ค้นคว้า อ่านจดหมายรักของคนอื่นเป็นหลายๆ สิบฉบับ อ่านจบเธอยังวิเคราะห์ตัวตนและความคิดที่อยู่เบื้องหลังตัวหนังสือของเจ้าของจดหมาย ด้วยมุมมองแบบ 'ปราย พันแสง ชนิดที่ว่าคนอ่านแล้วยังสนุกช่วยวิเคราะห์วิจารณ์ได้อีกยาว
คุณว่ามั้ย หลายเรื่องที่เธอนำมาคุยในคอลัมน์ของเธอมักกลายเป็น "เรื่องในความสนใจที่ต้องถกเถียง" ของผู้คนอีกพักใหญ่ๆ เชียว เราเคยแอบนินทาเธอด้วยความชื่นชมว่าเธอเป็น trendsetter คนหนึ่งของแวดวงหนังสือยุคนี้
นอกจากเธอจะเป็นพวก "ล้ำหน้า" "ช่างอ่าน-ช่างคิด-ขยันเขียน" แล้ว 'ปราย พันแสงยังเป็นพวก "อิน" รสหวาน-ขมของชีวิตอย่างร้ายกาจ เชื่อไม่เชื่อต้องไปหางานเล่มอื่นๆ ของเธอมาอ่านดู บวกกับคุณสมบัติอีกหลายอย่างที่นักเขียนควรพึงมี ทำให้งานเขียนของเธอมีแฟนๆ ติดกันเหนียวแน่น
สำนักพิมพ์หวังว่า 'ปราย พันแสงจะมีงานเขียนที่อ่านสนุก คม-ชัด-ลึก-ยิ่งขึ้นออกมาให้เราอ่านกันอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยความนับถือ
พาฝัน ศุภวานิช (บรรณาธิการ)
สารบัญ
เมื่อความรักสอนให้เขียนจดหมาย
จดหมายจาก "เรือ" ถึง "ประภาคาร"
จดหมายรักพวงชมพู
จดหมายรักไอน์สไตน์ (1)
จดหมายรักไอน์สไตน์ (2)
จดหมายรักไอน์สไตน์ (จบ)
กล่องไปรษณีย์สีแดง
จดหมายรักกริฟฟิน & ซาบีน (1)
กฏแห่งการอ่อย
จดหมายรักกริฟฟิน & ซาบีน (2)
สนเท่ห์เสน่หา
จดหมายรักกริฟฟิน & ซาบีน (3)
จดหมายรักกริฟฟิน & ซาบีน (4)
ลายรักอักษร
คู่เขียนอักษร
คู่เขียนคู่ควร
แย้มไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง
คิดถึงรักอยากหักคอ
กรณีห่มผ้าให้ผู้หญิงนอนดิ้น
หญิงสาวในเสื้อสีปูน
จดหมายรักมาร์กซิสต์
จดหมายรักต้องเผา!
ทำไมผู้หญิงเค้าเรียกร้อง
จากเรานักวะ?
จดหมายรักมาร์กซิสต์
(ภาคพิสดาร)
รักคนอ่าน
จดหมาย รัก-ไม่รัก-รัก
บางเหตุผลที่ผู้คนชอบจดหมาย
ภาคผนวก
จดหมายส่งท้าย
ตัวอย่างบางตอนในเล่ม
เมื่อความรักสอนให้เขียนจดหมาย
(ไร่แห้วสวนผสม)
"เซ็กซ์กับกอล์ฟ เป็น 2 อย่างในโลกที่เราสามารถสนุกกับมันได้โดยไม่ต้องเก่ง" เควิน คอสเนอร์พูดไว้คมขาดใจในหนังเรื่อง Tin Cup ต้องยอมรับว่าคำพูดนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า U.S. Open เซ็กซี่ขึ้นมาทันตาเห็น
ความจริงฉันเองไม่ได้รู้อะไรพวกนี้มากหรอก ในภาคทฤษฏีพอลุ้น แต่ฉันชอบหนัง Tin Cup มาก ใครๆ ว่าห่วย แต่ฉันชอบ ดูจบยังเกิดแรงถีบให้ไปหาหนังสือทฤษฎีกอล์ฟมาอ่านเล่มสองเล่ม จนเพื่อนฝูงบางคนหวาดเสียวว่าฉันจะหลงใหลเจ้าหลุมเล็กๆ ในสนามหญ้าเขียวอื๋อเช่นนี้จนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
อย่างว่า...ของบางอย่างต้องลงมือจริงด้วยถึงจะเวิร์ค -ใช่มั้ย
คนตีกอล์ฟไม่เป็น - ไม่เคยคิดจะหัด แต่ยังดันทุรังมานั่งอ่านหนังสือพวกนี้ มันจะได้สักแค่ไหน คุณคงนึกภาพออกว่าเป็นยังไง บทสรุปคราวนั้นของฉันจึงมีอยู่ว่า "นั่งเคี้ยวกระดาษเล่นเพลินกว่าเยอะ"...ขอบอก
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันหมกมุ่นอยู่กับการอ่าน "จาดหมายรัก" ของชาวบ้านนับร้อยฉบับ เฉพาะจดหมายรักของซีโมน เดอร์โบวัวร์กับเนลสัน อัลเกรน ชู้รักของเธอก็ทำฉันแทบสลบเหมือดหลายรอบ
หนังสือเล่มหนามาก ใช้หนุนต่างหมอนได้เลย เล่มขนาดพี่น้องคารามาซอฟนั่นล่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้อ่านจดหมายรักของเธอกับฌอง ปอล-ซาร์ท สามีอย่างเป็นทางการของเธอเลยนะ
อ่านพวกนี้มากเข้า จู่ๆ เจ้าเรื่องเซ็กซ์กับกอล์ฟที่ว่านี่ก็ลอยผ่านเข้ามาในหัว
ฉันเพิ่งรู้สึก (อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน)
ฉันเพิ่งทำเรื่องขอยืมหนังสือ "จดหมายรักยาขอบ" จากแฟนเก่า เจ้าของหนังสือยังบอกยิ้มๆ ว่า "เอาจดหมายของจริงไปด้วยมั้ย ที่เคยเขียนมาหายังเก็บไว้ทุกฉบับเลยนะ เอามาอ่านทีไรยังร้องไห้ทุกที" ฉันเขียนจดหมายรักเก่งขนาดนั้นเลยนะคุณ ฮึฮึ พูดแล้วจะหาว่าคุย
แต่ได้ชื่อว่าเขียนเก่งนี่ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป บางทีมัน "ไม่เวิร์ค" ขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะคนรักบางคนเขาคิดว่าเป็นการ "เล่นสำนวน" มากกว่าอย่างอื่น
ก็อย่างว่า...เหมือนเรื่องเซ็กซ์กับกอล์ฟนั่นแหละ ของบางอย่างนะคุณ ถึงเชี่ยวทั้งภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ ลองมัน "ไม่เวิร์ค" มันก็ยัง "ไม่เวิร์ค" อยู่ดีแหละ โชคดีที่เราโบ้ยไปโทษเจ้า "บุพเพสันนิวาส" ยัน "โซลเมท" เจ็ดชั่วโคตรได้บ้าง ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้มาให้อ้างคงแย่เหมือนกัน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คล้ายๆ กันนี้ ไม่เป็นไรนะ
โอ๋โอ๋ สูดลมหายใจลึกๆ ทำใจดีๆ ไว้
เราหมั่นต่ออายุบัตรสมาชิกสมาคมไร่แห้วไปเรื่อยๆ ละกัน
ถือเสียว่ามาช่วยกันดูใจฟ้าดินหน่อยน่ะคุณ!
ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่าคนบางคนมันจะถูกสวรรค์ติ๊กชื่อ
กาหัวเราไว้ และไม่ยอมส่งเนื้อคู่มาให้เราจริงๆ
แต่เก๋ดีเหมือนกันนะ ถ้ามีคนถามเราว่า "ทำไมน้องไม่แต่งงาน"
เราก็ตอบไปเลยว่า "ไม่มีเนื้อคู่"
เน้นคำว่าไม่ใช่ "ไม่เจอ"
แต่มัน "ไม่มี" จริงๆ
ตอนพูดคำว่า "ไม่มี"
กรุณาทำเสียงหนักแน่นหน่อย
เพื่อแสดงความมั่นใจ
ในฐานะประธานชมรมคนรักจดหมายรักแห่งประเทศไทย ฉันมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า เป็นสมาชิกสมาคมไร่แห้วมันก็ดี อย่างน้อย เวลาเราอ่าน-เราเขียน "จดหมายรัก" หัวใจมันก็เต้นแรงตุ๊บตั๊บวี้ดวิ้วเลือดฉีดแรงดี
ยังนึกอยู่เลยว่าถ้าไม่เคย "แห้ว"
จะรู้สึกหัวใจหวีดหวิววี้ดวิ้ว
ตอนอ่านเรื่องพวกนี้ได้ขนาดนี้หรือเปล่า
The Love Letter
"เมื่อคืนฉันเขวี้ยงหนังสือออกหน้าต่าง ฉันพยายามลืม คุณคือความผิดพลาดทั้งหมดสำหรับฉัน ฉันรู้ดี แต่ฉันไม่ได้สนใจความคิดของฉันมากนักหรอก นอกจากคิดถึงคุณ"
"เมื่อเห็นคุณ เมื่ออยู่ใกล้ชิดคุณ ฉันรู้สึกถึงเสันผมหอมกรุ่นของคุณที่ปลิวมาแตะแก้มฉัน แต่มันไม่มีวันนั้นอีกแล้ว ฉันถอนใจจากคุณในบางครั้ง แต่แล้ว ฉันก็ต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องเก่าๆ ของเราอีก"
"ยามที่ฉันผูกเชือกรองเท้า ยามที่ฉันปอกเปลือกส้ม ขับรถ หรือเอนกายนอนลงในแต่ละค่ำคืนที่ไม่มีคุณ ฉันกลับยังจดจำรำลึกได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเรา...มันคงเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป"
ใครเคยอ่านนวนิยายเรื่อง The Love Letter ของแคทลีน ไชน์ คงพอจดจำจดหมายฉบับนี้ได้ จดหมายรักฉบับนี้ส่งผิดที่ เป็นจดหมายของใครคนหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย กลับเป็นคนได้อ่านมัน และมันก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอตลอดไป (ตามระเบียบฮอลลีวู้ด)
The Love Letter ติดอันดับหนังสือขายดี เคท แคพชอว์ ภรรยาของสตีเว่น สปีลเบิร์ก อ่านแล้วประทับใจจนต้องซื้อไปทำหนัง นำแสดงโดยตัวเธอเอง ให้ปีเตอร์ ชานที่เคยทำหนังเรื่อง "เถียนมีมี่" มาเป็นผู้กำกับฯ
คนที่ชอบเขียนจดหมาย เคยเขียน หรือเคยได้รับจดหมายแบบนี้ อาจยิ่งเข้าใจถึงพลังและเสน่ห์เย้ายวนของ "จดหมายรัก" ได้มากขึ้น และคงไม่แปลกใจว่าทำไมแม่ม่ายลูกติดเจ้าของร้านหนังสืออย่าง "เฮเลน" ตัวเอกในนิยายเรื่องนี้จึงมีอาการแปลกๆ หลังจากอ่านจดหมายรักฉบับนี้เข้า ทั้งๆ ที่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เขียนจดหมายรักถึงเธอสักหน่อย
ทำไมคนเราอ่อนไหวกับจดหมายรัก (ของคนอื่นได้)
คุณเคยสงสัยหรือเปล่า ??
เสน่ห์ในจดหมาย
"การเขียนจดหมายเป็นวิธีคบค้าสมาคมที่ดีที่สุดสำหรับ คนรักสันโดษ" เป็นคำกล่าวของลอร์ด ไบรอน มหากวีสวีตหยด ระดับ "คลาสสิก" ผู้ได้ชื่อว่าเป็น "มือวางอันดับหนึ่งของแผ่นดิน" อีกคนในการเขียนจดหมายรัก
วงเล็บหน่อยนะว่า "สันโดษ" ของท่านลอร์ดอาจจะหมายถึงการคบหากับสาวๆ พร้อมกันหลายคนโดยไม่ยอมผูกมัด ตัวเองกับหญิงคนหนึ่งคนใด
นั่นฉันคิดเอง
เพราะชื่อเสียงของท่านนั้น
เจ้าชู้ระดับ "มืออาชีพ" ทีเดียว
ข่าวว่ามีภรรยาทางการถึง 7-8 คน
ก็คิดดูแล้วกัน
ฉันเก็บจดหมายรักของลอร์ด ไบรอนกับสาวๆ ของเขา ไว้ในกล่องสีชมพูข้างหัวใจหลายฉบับ จะค่อยๆ ทยอยเอามาลง ให้อ่านกัน
ใครที่เคยหลงรักบทกวีโฉมสคราญหวานหยด ดุจเนื้อกวางดำเนินทรายของเขาอย่างบทที่ชื่อว่า She walks in beauty อันลือลั่นบทนั้น อาจจะหลงรักจดหมายรักของเขาเหมือนฉันก็ได้
ฉันรู้สึกว่าจดหมายเหล่านี้นี่เองเป็นต้นธารของบทกวีชั้นยอดทั้งหลาย
นิค แบนทอค อาร์ทิสต์ชาวอังกฤษ นักเขียน นักทำปก ทำภาพประกอบ เจ้าของหนังสือชุด Griffin & Sabine อันเป็นตำนานจดหมายรักฉบับเอ็กโซติคที่มีชื่อเสียงอีกตำนานของโลก กล่าวถึงการเขียนจดหมายไว้ว่า "ผมไม่ได้ต่อต้านการใช้โทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารเรื่องเร่งด่วนหรือพูดคุยทั่วไป แต่ในบางครั้ง ถ้าเราเขียนสื่อสารกันบนแผ่นกระดาษมันจะดีกว่ามาก"
"การเขียนจดหมายดีสำหรับการเปิดเผยความคิดความรู้สึกส่วนตัว ถ้าคุณรู้สึกในสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแรงกล้า คุณสามารถรวบรวมความรู้สึกของคุณออกมาวางเผยบนหน้ากระดาษ โดยไม่ต้องอึกอักหรือกลัวผิดพลาด คุณสามารถบอกคนที่คุณรักว่า คุณรู้สึกในความรักอันหมดจดงดงามนั้นแค่ไหน หรือแม้แต่การด่าทอคนที่ทำให้คุณยุ่งยากลำบากใจ การด่าด้วยจดหมายจะทำให้คนถูกด่า "รู้สึก" ได้มากเป็นพิเศษด้วย'
ที่ตลกมากคือ หลังจากหนังสือชุด Griffin & Sabine ขายดิบขายดี เป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านมากมายทั่วโลก ก็มีนักอ่านบางคนปลาบปลื้มกับผู้เขียนมาก ถึงขนาดเสาะหาเบอร์โทรศัพท์ของนิค แบนทอค แล้วโทร.ไป "กรี๊ด" เขาที่บ้านแต่เช้าตรู่อยู่เนืองๆ ก็เล่นเอาแบนทอคช็อคแด่วไปเลย
นิค แบนทอค ให้สัมภาษณ์ว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาว เจอเรื่องราวเลวร้ายมาหลายอย่างในชีวิต แต่การที่แฟนหนังสือ Griffin & Sabine ใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อบอกเขาว่า "รัก" หนังสือที่ว่าด้วยจดหมายรักชุดนี้แค่ไหนนั้น มันจัดว่าเป็น "ที่สุด" ของความเลวร้ายในชีวิตเลยทีเดียว!
จดหมายจาก
"เรือ" ถึง "ประภาคาร"
ประสบการณ์เลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับจดหมายรักคือ ฉันเคยทำจดหมายรักของพ่อแม่หายไปทั้งกล่อง หลังจากหอบหิ้วไปมาหลายที่
ยังจำรูปร่างหน้าตาของมันได้บ้าง ว่าซองจดหมายที่แม่ส่งหาพ่อส่วนใหญ่เป็นซองสีขาวสีฟ้า มุมซองมีช่อดอกไม้เล็กๆ ส่วนซองจดหมายที่พ่อใช้ส่งหาแม่ ส่วนใหญ่เป็นซองสีขาวมีลายริ้วสีแดง หรือน้ำเงิน
ฉันไม่เคยซื้อซองจดหมายชนิดนี้มาใช้งานเลย
บางครั้งเมื่อได้รับหรือได้เห็นจดหมายที่ใช้ซองแบบนี้ทีไร
มักทำให้ฉันนึกถึงจดหมายรักของพ่อแม่ทุกครั้ง
จดหมายรักก็สำคัญ
พ่อฉันเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนช่างกลแถวสามย่าน ครอบครัวฉันเคยล้อกันว่าเป็นศิษย์รุ่นปู่ย่าน้ำตาเช็ดหัวเข่า เพราะทั้งพ่อทั้งเพื่อนร่วมรุ่นของพ่อแต่ละคน – สุดยอดทุกคน
ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันมักเห็นพ่อง่วนอยู่กับเครื่องยนต์กลไก พ่อจึงเขียนจดหมายรักด้วยปากกาลูกลื่นแบบเดียวกันที่เขาเหน็บกระเป๋าเสื้อไว้กับสมุดจดงานเล่มเล็กๆ พ่อเคยบอกฉันว่า "ปากกาลูกลื่นดีที่สุดเลยลูก พกง่าย ราคาถูก ถ้ามันหาย เราก็ไม่ต้องเสียดาย"
พ่อเขียนหนังสือเร็วมาก ตัวหวัด โย้ไปข้างหลัง เหมือนต้นหญ้าแข็งๆ ในทุ่งกว้างที่เอนระเนนไปทางเดียวด้วยลมพายุ ตัวหนังสือเขาเป็นระเบียบ ดูสวยงาม แต่อ่านยาก พ.พาน, ฟ.ฟัน, บ.ใบไม้, ป.ปลา พยัญชนะ 4 ตัวนี้ของเขาไม่ค่อยมีอะไรต่างกัน
ฉันไม่ค่อยได้เจอพ่อ แต่ยังจำลายมือของเขาได้ดี เป็นลายมือเดียวกับลายมือในกระดาษสามแผ่น ที่แทรกอยู่ในหนังสือวิธีชนะมิตรและจูงใจคนของเดล คาร์เนกี้ หนังสือที่พ่อเคยแนะนำฉันเสมอว่า "ต้องอ่านคู่กับสามก๊กนะลูก อ่านเยอะๆ อ่านหลายๆ รอบ"
สามก๊กฉันอ่านจบได้ แต่คาร์เนกี้ยังไงก็ไม่เคยจบเล่มได้สักที
จึงไม่ต้องแปลกใจ หากพบว่าฉันถนัด "กำจัดมิตรเพาะศัตรูเป็นพิเศษ"
ฉันมีความหลังฝังใจกับหนังสือเล่มนี้ เพราะวันหนึ่งก่อนที่พ่อจะเลิกร้างกับแม่ ก่อนเขาจะย้ายไปอยู่บ้านหลังอื่น ฉันเกิดไปแตะหนังสือคาร์เนกี้เข้า วันนั้นเองที่ฉันได้เจอกระดาษสามแผ่นนั้น
ตอนนั้นฉันเพิ่งเรียน ม.ต้น เพิ่งเริ่มหัดอ่านหนังสือเช่น "ขลุ่ยไม้ไผ่" ได้เข้าใจมากขึ้น เริ่มจะรู้เรื่องชีวิตบ้างแล้ว ฉันจึงเข้าใจข้อความในกระดาษสามแผ่นนั้นอย่างดี
พ่อเขียนระบายถึงความล้มเหลวในชีวิตแต่งงานของพ่อ
มีอยู่ 2 คำพูดที่ฉันยังจดจำได้แม่นยำคือ
"ผมเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักที่สุด"
และ "ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม"
เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกฉันว่าคำพูดนี้เองคือสิ่งสำคัญ
ที่กำหนดให้ฉันกลายเป็นคนแบบนี้ในวันนี้
แม่ฉันเขียนจดหมายรักด้วยดินสอ เธอเคยเล่าว่า สมัยสาวๆ เธอได้ชื่อว่าเป็นสาวงามประจำถิ่น เธอว่าเพื่อนคนสวยร่วมรุ่นของเธอไม่ค่อยมีใครลายมือสวย แต่ตัวหนังสือของเธองามกระฉ่อนเหนือใคร งามเหมือนหน้าตา จนครูให้ช่วยมาคัดลายมือบนกระดานดำเสมอ
ตัวหนังสือของแม่โย้ไปข้างหลังเล็กน้อย อ่านง่าย และดูซื่อไม่เข้ากันเลยบุคลิกสาวแว่นดำ (ฉันกับน้องเคยล้อเลียนเธอว่าเป็นโยโกะโอโนะที่ปราศจากจอห์น เลนนอน) ในรูปถ่ายเก่าๆ หน้าชุมทางรถไฟคนนั้นเลย
ดูเธอจริงจังตั้งใจมาก กับการเขียนตัวหนังสือที่มีหัวให้มันมีหัวสมศักดิ์ศรีครบถ้วนทุกตัวอักษร เธอยังเขียนแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนมาจนทุกวันนี้
ตอนเป็นเด็กฉันเรียนเก่ง เกรดในสมุดพกเหมือนเดิมเกือบทุกเทอมทุกปี ความเห็นครู ความเห็นแม่จึงเหมือนเดิมแทบทุกเทอมทุกปี จนฉันขี้เกียจเอาไปให้แม่ดู
มีคราวหนึ่ง "ซ่าส์" ฉันจึงเขียนและเซ็นชื่อแทนแม่เองเสียเลย แต่ครูที่ปรึกษามาดเฮฟวี่ของฉันจับได้ ครูเบื่อพวกปลอมลายเซ็นผู้ปกครองมาก มีให้เรียกไปชำระคดีกันทุกเทอม ข้อนี้ฉันไม่รู้มาก่อน แต่เครดิตเก่าๆ คงดีอยู่เพราะครูบอกในชั้นแค่ว่า "เอาไปลบ แล้วให้แม่ (ง) เธอเขียนมาส่งฉันใหม่"
ฉันมักบ่นเสียดายกับเพื่อนๆ และใครต่อใคร ว่าฉันไม่น่า "ชุ่ย" ขนาดทำจดหมายรักของพ่อแม่หายไปทั้งกล่อง ทุกวันนี้ฉันยังโกรธตัวเองไม่หาย ยิ่งโต ยิ่งเสียดาย
ใครคิดว่า "จดหมายรัก" ไม่สำคัญ
ขอบอกตรงนี้เลยว่า "สำคัญมาก"
โดยเฉพาะสำหรับลูกที่เกิดมาในครอบครัวแตกแยกอย่างฉัน
ฉันเสียดายเพราะมันเป็น "หลักฐาน" อย่างเดียวในโลก
ที่แสดงว่าพ่อกับแม่เคยรักกันแค่ไหน!
จดหมายเรือ-ประภาคาร
เมื่อมีความรักกับเขาบ้าง ถึงพบเจอพูดคุยเห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน แต่ฉันยังชอบที่จะเขียนจดหมาย ได้จดหมายตอบบ้าง - ไม่ได้บ้างไม่เป็นไร ใครไม่ตอบนานไปก็บ่นว่ากันหน่อย
หนุ่มเดนตายที่หลงมาติดกับดักรายหนึ่งเคยเปรยกับฉันว่า "รักนักเขียนนี่ลำบากนะ ต้องเขียนเยอะ เพราะเธอหิวตัวหนังสือ" และฉันไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์เสียด้วย
ความเพ้อฝันสูงสุดเกี่ยวกับจดหมายรักของฉันคือ เป็นพ่อแม่ประเภทครองรักกันไป ให้หัวใจและยอดไม้เท้ากลายเป็นทองคำ จนสามารถมอบกล่องจดหมายรักของตนเป็น "ของขวัญ" วันแต่งงานของลูกได้
ทำไมน่ะหรือ...คงเพราะฉันเป็นลูกสาวประเภทที่ฝันอยากได้ของขวัญแบบนั้นมากเลยน่ะสิคุณ
คนที่ฉันมีใจให้จึงมักจะเป็นคนชอบหนังสือ ชอบขีดเขียนอยู่บ้าง
มีรายหนึ่ง (ฟังเหมือนมีคนจีบเยอะ ความจริงที่ดูเยอะเป็นเรื่องเทคนิคทางการเขียนเท่านั้นเองค่ะ) พูดกับฉันว่า "ทำจดหมายรักพ่อแม่หายหรือ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวทำให้ใหม่" โดยบอกว่าเขาจะเขียนจดหมายรักให้ฉันเอง ให้ฉันเขียนตอบบ้างสัปดาห์ละฉบับก็ยังดี
[มีต่อในเล่ม]
พ็อคเก็ตบุ๊ค Love Letters
จดหมายรัก’ปราย พันแสง
Copyright © 2009 by Freeformbooks, Lomdee Co.,Ltd. All rights reserved.
© สงวนลิขสิทธิ์โดยฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ในนามบริษัท ลมดี จำกัด ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียน ทำสำเนา ถ่ายเอกสาร หรือนำไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต หรือสื่อชนิดอื่นๆ ไม่ว่าในรูปแบบใด นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
จดหมายรักมาร์กซิสต์
เนื้อความบางส่วนจากพ็อคเก็ตบุ๊ค Love Letters
จดหมายรัก’ปราย พันแสง
ใครจะคิดว่า คาร์ล มาร์กซ์ โรแมนติกชนิดมหาวายร้าย เขาเป็นเจ้าพ่อทฎษฏีปฏิวัติสังคม เขาเรียกการปฏิวัติว่า "การเต้นรำ" แถมเขียนจดหมายรักได้เฉียบขาด
จดหมายรัก "ยาขอบ" ของไทยเราที่ว่าหวานนักลองมาเจอจดหมายรักศาสดามาร์กซิสต์บ้าง แล้วจะรู้ว่าหวานขาดใจได้เช่นกัน แต่มาร์กซ์ อาจ "เท่" กว่า "ยาขอบ" เล็กน้อย ตรงที่ว่ามีรักแรกและรักเดียวมั่นคงตลอดชีวิต
มาร์กซิสต์รักเดียวในเดียวนี่เท่มากนะคุณ
เรารู้จักคาร์ล มาร์กซ์ในฐานะศาสดาแห่งลัทธิคอมมิวนิสต์นักปรัชญา นักสังคมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ นักปฏิวัติ นักคิดคนสำคัญของโลกในศตวรรษที่ 19
คาร์ล อฮน์ริช มาร์ก เกิดใบ้านที่สุขสบายแบบชนชั้นกลาง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1818 ที่เมืองทริเอ ประเทศเยอรมนี ตระกูลของเขาสืบเชื้อสายาจากแรบไบ (พระของชาวยิว) ไฮน์ริช พ่อของเขานอกจากจะเป็นนักกฎหมายที่ได้รับความนับถืออย่างสูงในทริเอแล้ว ยังมีความรอบรู้เรื่องวรรณกรรมและปรัชญาต่างๆ เป็นอย่างดี นักเขียนคนโปรดของพ่อเขาคือวอลแตร์ นักคิดนักเขียนคนดังชาวฝรั่งเศส และดอริส เลสซิ่ง นักเขียนชาวอังกฤษผู้ให้ความสำคัญกับคุณค่าของมนุษย์อย่างสูง
ในบันทึกประวัติชีวิตของคาร์ล มาร์กซ์ เขียนเอาไว้ว่า พ่อของคาร์ล มาร์กซ์เป็นบุคคลซึ่ง "รู้จักวอลแตร์และเลสซิ่งด้วยหัวใจ" มาร์กซ์สนใจวรรณกรรม สามารถแต่งโคลงกลอนไพเราะได้เองตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่ขวบ แน่นอนว่าย่อมเป็นที่รักและใกล้ชิดกับพ่อเป็นอย่างยิ่ง อิทธิพลความคิดทางปรัชญา ทางสังคมต่างๆ จึงซึบซาบ อยู่ในตัวเขามาแต่เล็กแต่น้อย
นอกจากอิทธิพลจากพ่อ เพื่อนบ้านสูงศักดิ์อย่าง บารอน วอน เวสท์ฟาเลนก็มีส่วนปลูกฝังความคิดต่างๆ ให้มาร์กซ์อย่างมาก บารอนมีชื่อเสียงมีภูมิปัญญา ให้ความรักและเอ็นดูมาร์กซ์อย่างมากคอยสนับสนุนให้เขาอ่านหนังสือดีๆ มาร์กซ์กับเพื่อนบ้านอาวุโสผู้นี้มักออกไปเดินเล่นด้วยกันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในเรื่องวรรณกรรมอยู่บ่อยๆ
นอกจากวรรณกรรม อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดในมาร์กซ์มาตั้งแต่แรกรุ่นหนุ่มก็คือ "เจนนี่ วอน เวสท์ฟาเลน" ลูกสาวคนสวยของบารอนที่เติบโตมาด้วยกัน ตอนที่คาร์ล มาร์กซ์อายุได้เพียง 13 ปี เขากับเจนนี่ได้แอบหมั้นกันเองเงียบๆ
เมื่ออายุ 17 มาร์กซ์เรียนจบชั้นมัธยมในทริเอ พ่อได้ส่งเขาไปเรียนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยแห่งบอนน์ และปีต่อมาได้ส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในเบอร์ลินซึ่งดีกว่าที่เก่า มาร์กซ์เรียนอยู่ที่นี่ 4 ปี และในเบอร์ลินนี่เองที่มาร์กซ์เข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม Young Hegelian ซึ่งเป็นกลุ่มหนุ่มสาวไฟแรงนักเคลื่อนไหวทางสังคมในเบอร์ลินตอนนั้น
และแม้จะเจอผู้คนมากมาย แต่คาร์ล มาร์กซ์ยังจงรักภักดีต่อเจนนี่ไม่เสื่อมคลาย ทั้งที่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ห่างกันนี้มาร์กซ์กับเจนนี่มีโอกาสเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่เขากับเธอยังเขียนจดหมายถึงกันสม่ำเสมอ
เจนนี่เป็นหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูง แม้จะเป็นเพื่อนบ้านกันรู้จักกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่เมื่อทราบว่ามาร์กซ์กับเจนนี่รักกันทางครอบครัวของเธกก็ไม่ค่อยชอบใจนัก
มีจดหมายฉบับหนึ่งที่มาร์กซ์เขียนถึงเจนนี่ ขณะที่เขากำลังเคร่งเครียดอยู่กับการทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาเอก ความว่า "ตอนนี้ภรรยาในอนาคตของฉันคงกำลังต่อสู้กับผู้คนที่เคร่งศาสนาในครอบครัวของเธอเองแต่ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ ที่เธอเกิดมาในตระกูลชนชั้นสูง ซึ่งยามนี้กำลังต่อต้านครอบครัวของฉันด้วย การรบราครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ฉันเป็นห่วงเหลือเกินว่ามันคงทำให้เธอเหนื่อยล้าเป็นที่สุด"
นั่นแสดงให้เห็นถึงว่า มาร์กซ์ตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นที่ไม่ค่อยยุติธรรมกับคนในสังคมเท่าไหร่
แต่ในที่สุด มาร์กซ์กับเจนนี่ก็ได้แต่งงานกันจนได้ในปี 1843 ท่ามกลางความไม่พอใจของครอบครัวฝ่ายหญิง เจนนี่มีทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ทั้งรูปโฉม เงินทอง และเกียรติยศทางสังคม มีชายหนุ่มที่เหมาะสมหมายปองเธอมากมาย การที่เธอเลือกแต่งงานกับมาร์กซ์นั้น ถือว่าอนาคตมัวมนจริงๆ ซึ่งการตัดสินใจมั่นคงเด็ดเดี่ยวของเธอนั้น ทำให้มาร์กซ์ต้องก้มหัวยอมรับนับถือเธอจนวาระสุดท้ายของชีวิต
หลังแต่งงานแล้วทั้งคู่ย้ายมาอยู่ปารีส ในช่วงนั้น บรรดาชนชั้นกลางในระบอบราชาธิปไตยในฝรั่งเศสถูกล้มล้าง กระแสการเมืองคุกรุ่น มาร์กซ์กับเจนนี่ถูกจับ และต่อมาต้องระหกระเหินย้ายกลับมาอยู่ที่เยอรมันอีกครั้ง
มาร์กซ์ เป็นนักอุดมคติ เขาตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมเป็นเครื่องจักรผลิตเงินอย่างเด็ดขาด ดังนั้นเองครอบครัวของเขาจึงลำบากยากจนมาก เพราะต้องพึ่งพารายได้จากการเขียนหนังสือของเขาแต่เพียงอย่างเดียว ยังดีที่เพื่อนสนิทร่วมอุดมการณ์ตลอดชีวิตของมาร์กซ์คือ เฟรดริค เองเกลส์ นั้นมีฐานะร่ำรวย จึงคอยช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวนี้ในยามคับขันอยู่เสมอ
สมัยนั้น การคุมกำเนิดยังไม่สะดวกเหมือนทุกวันนี้ สิ่งที่ครอบครัวนี้หวาดกลัว ที่สุดคือการมีลูก เพราะนั่นหมายถึงว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเพิ่มขึ้น แต่โชคร้ายที่ยิ่งกลัว ก็ยิ่งมีลูกหลายคน ถ้ามีเจ้าหนี้มาเก็บ เงินที่บ้าน พวกลูกๆ ของมาร์กซ์จะต้องบอกว่า "พ่อไม่อยู่บ้าน" จนเป็นที่รู้กัน
มาร์กซ์กับครอบครัวเคยถูกไล่ออกจากบ้านหลายครั้ง เพราะค้างค่าเช่า และด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ครั้งหนึ่ง ลูกสาววัย 1 ขวบของเขาเสียชีวิต มาร์กซ์ไม่มีเงินซื้อโลงศพให้ลูกด้วยซ้ำ
ชีวิตครอบครัวลำบากยากเข็ญ ขนาดที่มาร์กซ์เขียนจดหมายไปเล่าให้เองเกลส์เพื่อนรักฟังว่า "เจนนี่ร้องไห้อีกแล้ว เมื่อผมมองเห็นความทุกข์สาหัสของเธอชัดเจนเท่าไหร่ ผมก็มองเห็นความล้มเหลวของตัวเองชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น"
เองเกลส์ยกย่องเจนนี่อย่างมาก เขาเคยพูดถึงเธอว่า "เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก และอดทนมาก ความสุขยิ่งใหญ่ของเธอคือการทำให้ผู้อื่นมีความสุข อุดมการณ์ของมาร์กซ์ตอนนั้น ดูเลื่อนลอยราวกับแผนที่ในความฝัน แต่เธอยังหยัดยืนเคียงข้างเขา ให้กำลังใจเขาเสมอมา"
เจนนี่สนับสนุนอุดมการณ์ของสามีตลอดชีวิตจริงๆ เธอเห็นความตั้งใจจริง มองเห็นความสำคัญของ "แผนที่ในความฝัน" ในความคิดที่จะปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้น ครั้งหนึ่งเธอเคยพูดว่า "แม้ชีวิตของเราจะอยู่ในช่วงเลวร้ายที่สุด แต่สามีของฉันไม่เคยสูญเสียความมั่นใจเลย เขาเชื่อว่าชีวิตต้องดีขึ้น สังคมต้องดีขึ้นในอนาคต"
มาร์กซ์เรียกเจนนี่ว่า "เจ้าหญิงเจ้าเสน่ห์" เป็นราชินีแห่งงานเต้นรำ หญิงสาวที่สวยที่สุดแห่งเมืองทริเอ และอยู่ในความทรงจำของคนทั้งเมือง มาร์กซ์ภูมิใจกับภรรยาองเขามาก มาร์กซ์มีความสุขกับการหวนกลับไปคิดถึงชีวิตรักของเขากับเจนนี่ในวัยหนุ่มสาว
มันเป็นเรื่องน่าทึ่งจริงๆ เพราะเขากับเจนนี่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก รักกันมาตั้งแต่แรกรุ่นหนุ่มสาว กระทั่งแก่เฒ่าจนตายจากกันไปเองตามธรรมชาติ มาร์กซ์เขียนเล่าความทรงจำรำลึกเหล่านี้ไว้ในจดหมายถึงเพื่อนหลายฉบับ
ตลอดชีวิตที่ครองคู่กัน มีข่าวมาร์กซ์วูบวาบไปกับผู้หญิงอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับเจนนี่แต่อย่างใด ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต มาร์กซ์ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่เจนนี่กลับเป็นฝ่ายตายจากไปก่อนในปี 1881 ด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน
เอลินอร์ ลูกสาวคนหนึ่งเล่าเรื่องวาระสุดท้ายของพ่อ-แม่เธอไว้ว่า สภาพความป่วยไข้ ทำให้ "คนสองคนที่มีชีวิตผูกพันกันอย่างแนบแน่นสมบูรณ์แบบ" ไม่อาจอยู่ร่วมห้องใกล้ชิดกันได้เหมือนเก่าอีกต่อไป
"ฉันจดไม่มีวันลืมเลือนวันที่พ่อแข็งแรงพอที่จะเดินเข้าไปหาแม่ได้เลย ในยามนั้น พ่อดูไม่เหมือนชายแก่ที่ร่างกายกำลังจะแตกดับเพราะโรคร้าย ส่วนแม่ก็ดูไม่เหมือนหญิงชราที่ลมหายใจรวยรินจวนสิ้นใจดังสภาพที่เขาทั้งสองคนเป็นอยู่จริง เพราะในวันเช่นนั้น พ่อแม่ฉันจะมีชีวิตชีวาเหมือนหนุ่มสาวแรกรุ่นที่ถูกแรงรักดึงดูดเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง"
จดหมายรักฉบับสวยงามที่สุด อ่อนหวานที่สุด เป็นจดหมายที่มาร์กซ์เขียนถึงเจนนี่ในปี 1856 ซึ่งหลังจากเขาแต่งงานกับเธอมาแล้ว 13 ปี มาร์กซ์เขียนถึงเธอว่า "ภาพอันมีชีวิตชีวาของคุณที่ปรากฎอยู่เบ้องหน้าผมยามนี้ ผมกำลังโอบกอดคุณไว้ในอ้อมแขนจุมพิตคุณตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า ผมสยบยอมพร้อมคุกเข่าลงตรงหน้าคุณ แล้วเอ่ยว่า ผมรักคุณ"
ผมต่อสู้เพื่อกรรมาชน แต่ความรักของผมมิใช่ความรักของชนชั้นกรรมาชีพแต่อย่างใด หากแต่เป็นความรักสูงสุด เท่าที่มนุษย์ที่เกิดมาผู้หนึ่งจะพึงรักได้ ความรักที่ผมมีต่อคุณ ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งได้กลับมาเป็นผู้ชายอีกครั้งหนึ่ง"
"ในโลกเรานี้มีผู้หญิงมากมาย ไม่ยากอะไรเลยที่ผมจะมองหาใลหน้าที่สวยสดงดงามของผู้หญิงที่มีอยู่มากหลายแต่จะมีใบหน้าของผู้หญิงคนใดเสมอเหมือนใบหน้าของคุณได้ ผมรักความเหี่ยวย่นที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าคุณ เพราะทุกริ้วรอยเหล่านั้นคือความทรงจำหวานชื่นทั้งหมดแห่งชีวิตผม"
[มีต่อในเล่ม]
พ็อคเก็ตบุ๊ค Love Letters
จดหมายรัก’ปราย พันแสง
Copyright © 2009 by Freeformbooks, Lomdee Co.,Ltd. All rights reserved.
© สงวนลิขสิทธิ์โดยฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ในนามบริษัท ลมดี จำกัด ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียน ทำสำเนา ถ่ายเอกสาร หรือนำไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต หรือสื่อชนิดอื่นๆ ไม่ว่าในรูปแบบใด นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น